ผู้ช่วยเลขาฯ ปชป.รุมสวด “สมชาย” ผู้นำรัฐบาลมือเปื้อนเลือดสั่งฆ่า ปชช. แขวะขี้ขลาดตาขาวเอาตัวรอด ทิ้งลูกพรรคหนีสภา ประณามไม่มีแม้แต่คำขอโทษหลุดจากปาก แฉเติ้งตัวตั้งตัวตีจ้องผลาญงบชาติ
วันนี้ (8 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การประชุมรัฐสภาเพื่อเถลงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ได้ปรากฏภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อรัฐสภาเป็นอย่างยิ่ง องค์ประกอบของสมาชิกในรัฐสภาไม่มีสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิกบางส่วน จึงเปรียบเสมือนเป็นสภาเถื่อนมีการอภิปรายใส่ร้ายสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่เพียงฝ่ายเดียว มีการปรบมือเมื่อแสดงความพอใจ โห่ฮาแบบป่าเถื่อน รวมถึงการที่สมาชิกบางส่วนกระทำการล้อมกรอบ น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เยี่ยงหมาป่ากับลูกแกะ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้แถลงนโยบายก็เกิดอาการลุกลี้ลุกลนในการอ่านคำแถลงต่อสภา ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำประเทศ เดินเข้าสภาโดยฝ่ากองเลือดของประชาชนแล้วหนีออกจากสภาโดยการปีนรั้วหนีอย่างสุดชีวิต หอบหิ้วเอาเฉพาะลูกสาวตัวเองขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วทิ้งลูกพรรคตัวเองไว้เผชิญชะตากรรมในสภา ท่ามกลางการปิดล้อมของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงทำให้ภาพปรากฏว่ารัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาลต้องหนีเอาชีวิตรอดอย่างโกลาหล ทุรนทุราย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องต้อนขึ้นรถบัสพาหนีออกจากบริเวณรัฐสภาอย่างเชลยศึกหมดสภาพความเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า สำหรับการตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภาของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคทุกคนได้ทำหนังสือลาการประชุมต่อประธานรัฐสภาอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่สามารถที่จะร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลมือเปื้อนเลือดเข่นฆ่าประชาชนเพื่อไปสร้างความชอบธรรมให้แก่ตนเองได้
ส่วนที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์เรียกร้องความรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ ในการไม่เข้าร่วมประชุมนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมของสมาชิกที่จะไม่เข้าร่วมประชุม เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐบาลไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเปิดประชุมรัฐสภา เพียงแต่เป็นความกระเหี้ยนกระหือรือของรัฐบาลที่ต้องการจะให้การอภิปรายนโยบายเสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมและความสง่างามทางการเมือง การตัดสินใจดังกล่าว อยู่บนผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง แม้ว่าก่อนที่จะเปิดประชุม นายบรรหาร ได้โทรศัพท์สายตรงมายังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชักชวนให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมการประชุม แต่มติพรรคได้แสดงความชัดเจนว่าไม่สามารถเข้าร่วมประชุมขณะที่ประชาชนถูกทำร้ายบาดเจ็บล้มตายด้วยฝีมือรัฐบาล แล้วเราจะยืนทำหน้าที่ท่ามกลางซากศพ หยดเลือดและคราบน้ำตาของประชาชนได้อย่างไร
“การเข้าร่วมประชุมของนายบรรหารเมื่อวานนี้ เพียงเพื่อจะให้รัฐบาลมีความชอบธรรมที่จะนำงบประมาณไปบริหารประเทศ คนเหล่านี้ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองที่จะเอางบประมาณไปใช้จ่าย ในโครงการที่ตัวเองเตรียมการเอาไว้ อยากจะตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลเหล่านี้กำลังถูกผีปากมันเข้าสิง กำลังจ้องมองงบประมาณอย่างตาเป็นมัน”
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ภาพสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น เป็นการปฏิบัติต่อคนไทยด้วยกันเยี่ยงอย่างศัตรูและข้าศึกของตนเอง รัฐบาลสั่งปราบปรามประชาชนเพื่อเปิดทางเข้าสู่สภาเพื่อไปพูดเรื่องการสมานฉันท์ของคนในชาติเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำอย่างป่าเถื่อน มีองค์กรต่างๆ นับ 100 องค์กรได้ออกแถลงการณ์ประณาม แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับให้ฝ่ายตำรวจและโฆษกรัฐบาลคนใหม่ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะยั่วยุ บิดเบือนข้อเท็จจริงโดยใช้สื่อของรัฐเป็นกระบอกเสียงเหมือนเหตุการณ์ช่วง 6 ตุลา 19 ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวแต่กลับมาแถลงข่าวอย่างเลือดเย็น โดยมี ผบ.ทบ. ผบ.ส.ส.เป็นวอลเปเปอร์ขนาบซ้ายขวา ซึ่งเนื้อหาการแถลงข่าวไม่มีแม้แต่คำขอโทษและความเสียใจจากปากของนายกรัฐมนตรีคนนี้แม้คำเดียว ส่วนการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งคงไม่เพียงพอสำหรับความรับผิดชอบ รัฐบาลไม่ควรให้ พล.อ.ชวลิต เป็นเหยื่อของสถานการณ์โดยตัดตอนความรับผิดชอบออกจากตัวเอง
