ผู้จัดการออนไลน์ – พ.อ.อภิวันท์ อดีต นปก.ที่นำกุ๊ยบุกบ้านป๋า ที่ได้ดีเป็นรองประธานสภาผู้แทนฯ คนที่ 2 ดัน ส.ส.ร. 3 เพื่อแก้รัฐธรรมนูญเต็มที่ ระบุ “อุทัย พิมพ์ใจชน” เหมาะสุดเป็น ปธ.ส.ส.ร.3 แต่ถ้าไม่มีใครรับ ตนก็ขอเสนอตัวเองเป็นแทน เพราะมั่นใจในความเป็นกลาง
วานนี้ (6 ต.ค.) หลังการประชุม 4 ฝ่ายระหว่าง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคการเมือง ประกอบด้วย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ส่วนพรรคชาติไทย มีนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อหารือเรื่องการปฏิรูปการเมืองใหม่ หลังจากเมื่อวันที่ 3 ต.ค.มีการประชุม 4 ฝ่าย ในเบื้องต้นเห็นพ้องกันว่าควรจะมีการปฏิรูปการเมือง โดยให้มีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3)
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวถึงการตั้ง ส.ส.ร 3 ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า น่าจะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.3 นั้น ประธานสภาฯ ก็ได้ บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ของ คปพร.เข้าสู่ระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ทางออกจึงมี 2 ทาง คือ การเดินหน้าตั้ง ส.ส.ร. หรือให้ ส.ว.และ ส.ส.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร. ซึ่งได้มีการยื่นมาตามขั้นตอน และไม่สามารถที่จะถอนร่างฉบับดังกล่าวได้
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า หากทุกฝ่ายยึดแนวทางตั้ง ส.ส.ร.ก็จะเป็นทางออกให้กับบ้านเมืองได้ โดยรูปแบบขั้นตอนให้ดำเนินการเหมือนสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้มีตัวแทนจากประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามาเป็น ส.ส.ร. โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวทางนี้มากกว่า ขณะเดียวกันจากการพูดคุยกับ ส.ส. ส่วนใหญ่ของพรรคพลังประชาชน ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยบุคคลที่จะมีเป็นประธาน ส.ส.ร.เห็นว่าน่าจะเป็น นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเห็นว่าเหมาะสม และน่าจะเป็นที่ยอมรับของประชาชนได้ รวมถึง นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่เหมาะสมไม่ยอมรับตำแหน่งตนก็พร้อมที่จะเข้ามาทำหน้าที่ เพราะเชื่อมั่นในความเป็นกลาง จากการปฏิบัติหน้าที่ประธานในที่ประชุมสภา เชื่อว่าทุกฝ่ายน่าจะให้การยอมรับได้
อนึ่ง พ.อ.อภิวันท์ นั้นเป็นหนึ่งในแกนนำของ นปก. ซึ่งวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 ได้ก่อเหตุนำกลุ่มอันธพาล ก่อเหตุจลาจลขึ้นบริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ได้ถูกดำเนินคดีพร้อมกับแกนนำอีก 8 คน ทว่าหลังจากได้รับการประกันตัวออกมาคดีก็ไม่มีความคืบหน้าจนเวลาล่วงเลยมานานกว่า 1 ปีแล้ว ขณะที่ผู้ต้องหาเกือบทุกคนกลับได้รับบำเหน็จจากการจลาจลครั้งดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น นายจักรภพ เพ็ญแข ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธ์ได้เป็น ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แม้หลังเหตุการณ์ 22 ก.ค. 2550 จะถูก สนช.ถอดถอนจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ล่าสุดรัฐบาลนอมินีของนายสมัคร สุนทรเวชก็ปูนบำเหน็จให้นายจรัลดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุน “เอสเอ็มแอล” แทน ส่วน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ได้บำเหน็จเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
อ่านต่อ : เตือนความทรงจำ ครบ 1 ปี หัวโจก นปก.นำ 'ม็อบถ่อย' บุกบ้านป๋า