ปลัดกระทรวงกลาโหม ไม่เชื่อ “พล.ต.จำลอง” จะเอาตัวเข้าแลกหวังใช้แผนปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย คาดเป็นงานจิตวิทยามวลชน ตามสิทธิหน้าพลเมือง ย้ำกองทัพวางตัวเป็นกลางมั่นใจไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
วันนี้ (6 ต.ค.) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ถูกตำรวจจับกุมขณะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า เป็นเรื่องที่น่าห่วงกับการที่จะปลุกกระแสขึ้นมา แต่คิดว่าทหารจะเฝ้าติดตามไปก่อนในช่วงนี้ โดยยังไม่เข้าไปยุ่ง ส่วนการจับกุมจะเป็นหลุมพราง พล.ต.จำลอง หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ระบุว่าท่านทำหน้าที่พลเมือง ในฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้ว่าฯ กทม. และไปเลือกตั้งตามสิทธิ เมื่อถามว่าเป็นยุทธวิธีการปลุกระดมพลของ พล.ต.จำลองหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นจิตวิทยามวลชนมากกว่า คงไม่เกี่ยวกับด้านแผนการทหาร
“พล.ต.จำลอง มีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยามวลชนที่เคยใช้มาตลอด ผมไม่แน่ใจว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้จะกลายเป็นเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ.2535 หรือไม่ คงไม่นำไปสู่ความขัดแย้งถึงขนาดนั้น เพราะตอนนั้นเป็นปัญหาระหว่างประชาชนกับทหารและรัฐบาลโดยตรง แต่ตอนนี้เป็นปัญหาประชาชนมากกว่า ส่วนหลายฝ่ายห่วงว่าจะกลายเป็นตุลาทมิฬหรือไม่ ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น ถึงแม้ฝ่ายพันธมิตรฯ พยายามจะปลุกเร้า เพราะทหารอยู่ในกรอบไม่ออกมายุ่งเกี่ยว วางตัวเป็นกลาง ผมจึงไม่เชื่อจะเกิดเหมือนเหตุการณ์ในอดีต” ปลัดกลาโหมกล่าว
เมื่อถามว่าจะทำความเข้าใจกำลังพลกองทัพในเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ได้รับการชี้แจงจากผู้บัญชาการในเรื่องการวางตัวเป็นกลางไม่ให้เข้าไปยุ่ง ส่วนประชาชนคงไปกำหนดแนวคิดของเขาไม่ได้ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจประชาชน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอคำปรึกษาอย่างไรบ้าง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อเข้ามา แต่เรื่องที่ท่านขอคำปรึกษามีในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งท่านมีความห่วงใย ในกรณีที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีการประสานกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้ ตนได้ปรึกษากับปลัดกระทรวงต่างประเทศ ในเรื่องสภาพปัญหาและในด้านเจรจา ที่กระทรวงต่างประเทศต้องดำเนินการโดยให้ข้อมูลข้อเท็จจริง
“ปัญหาการถือแผนที่คนละฉบับ เป้าหมายแท้จริงต้องการให้ประนีประนอมมากที่สุด ส่วนปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เรายืนยันมาตลอดว่าต้องการใช้พื้นที่ร่วมกัน และต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาการกระทบกระทั่งกัน โดยได้รับการยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ หาก 2 ฝ่ายยอมรับก็ไม่มีปัญหา แต่เหตุที่เกิดการปะทะเป็นความเข้าใจผิดกัน บังเอิญฝ่ายกัมพูชาได้ทำกระสุนลั่น จนทำให้เกิดการปะทะกัน ขณะนี้ 2 ฝ่ายเจรจากันแล้ว ไม่มีปัญหาแต่อย่างไร ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ปรึกษา พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการทหาร” ปลัดกระทรวงกลาโหม
