“จำลอง” สับรัฐบาล-ตำรวจ ปล่อยให้มีการเผยแพร่การจ้าบจ้วง บุคคลที่ประชาชนเคารพ แต่ไม่ดำเนินการใดๆ ทำตัว 2 มาตรฐาน ผิดกับกรณีของพันธมิตรฯ อย่างสิ้นเชิง ระบุการจับ “ไชยวัฒน์” หวังวัดกำลังพันธมิตรฯ แต่มั่นใจประชาชนจะออกมามากขึ้น โดยไม่ต้องเรียกร้อง เพราะทุกคนต้องการมากู้ชาติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พลตรีจำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
วันนี้ (4 ต.ค.) เวลาประมาณ 20.45 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาลว่า ขณะนี้มีเว็ปไซด์ และนำภาพที่หมิ่นต่อบุคคลที่ประชาชนเคารพออกเผยแพร่ตามที่ต่างๆ รวมทั้งในทำเนียบก็ส่งมา ตนเห็นแล้วต้องฉีกทิ้งเพราะถ้าเก็บไว้อาจจะโดนข้อหาหมิ่น แต่ตำรวจและรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย นอกจากนี้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังบรรจุวาระการนำรัฐธรรมนูญฉบับ"นรกป่วนกรุง"มาใช้อีก
ทั้งนี้ เรื่องแบบนี้ไม่รู้ว่ารัฐบาล และรัฐสภายังเฉยได้อย่างไร แต่หากเปรียบเทียบกันแล้ว หากเป็นเรื่องของพันธมิตรฯก ลับส่งเจ้าหน้าที่มาจับทันที โดยตนเองทราบเหมือนกันว่าในประเทศยังมีตำรวจดีอยู่ แต่ทำไมถึงปล่อยให้ตำรวจไม่ดีมาลุยกับประชาชนได้อย่างไร
“ตำรวจมาเรียนโรงเรียนผู้นำกับผมหลายรุ่น ทั้งในห้องเรียน และในภูเขาในโรงเรียนผู้นำ ผมมีความดีใจที่ได้อบรมเชิงคุณธรรม เพราะหวังว่าใครผ่านโรงเรียนนี้ จะเป็นคนดียิ่งขึ้น สิ่งสำคัญเหมือนผมจะรู้เรื่องภายหน้า ผมบอกพวกเขาว่า คุณต้องดำรงความยุติธรรมอย่างเต็มที่ โดยไม่ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องจับทั้งสิ้น รวมทั้งตัวผมด้วย” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า การจับนายไชยวัฒน์ เป็นการทดสอบพลังของพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ซึ่งเขากำลังดูถูกพลังของพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ตนไม่เคยเรียกร้องให้ทุกคนออกมา เพียงแต่พูดตลอดว่าให้ใจเย็นๆ ในเรื่องนี้ และการที่พวกเขามากันมากนั้นเป็นไปตามธรรมชาติด้วยความสมัครใจมากกว่า จึงอยากจะบอกให้ตำรวจรู้ว่ากำลังประเมินสถานการณ์ผิดแล้ว เนื่องจากแกนนำไม่เคยเรียกร้องเลยให้คนออกมาเลย แต่พวกเขาออกมากันเองเพื่อต้องการกู้ชาติ
“ก่อนหน้านี้ก็มีการทดสอบเรามาตลอดตั้งแต่ นำกำลังมาสลาย และให้อันธพาลมาตีเรา โดยล่าสุดมีทหารรุ่นนอกนอกแถวคนหนึ่ง ไปฝึกกองกำลังกันที่สนามหลวง ซึ่งมีคนสนิทของพี่จิ๋วบอกว่าคนที่เป็นนายบอกให้เขากลับเข้ากรมไปแล้ว แต่ไอ้รุ่นน้องคนนั้นมันยังไม่เลิก แต่เราก็จะไม่กลัวคนพวกนี้และจะต้องสู้ต่อไป” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองและได้ทำโครงการช่วยสังคมหลายอย่าง แต่ไม่เคยออกไปเรี่ยรายเงินจากที่ไหนสักครั้ง แต่เมื่อเดือนที่แล้วเมื่อผมทราบว่าทางเอเอสทีวีมีภาระต้องจ่ายในการถ่ายทอดเสียงเป็นจำนวนมาก จึงอยากช่วยเหลือ โดยได้บอกกับคุณสนธิก่อนว่า จะทำการช่วยรับบริจาคให้อีกทางหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านประชาชนต่างแสดงน้ำใจช่วยมาเป็นจำนวนมาก ทำให้มียอดการบริจาคสูงถึง 18.76 ล้านบาทเลยทีเดียว