ศาล ปค.สูงสุด สั่งไม่รับคำอุทธรณ์ ชี้ คำสั่งศาล ปค.กลางระงับใช้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารชอบแล้ว ระบุ แม้แถลงการณ์ไม่ถูกใช้พิจารณาในการขึ้นทะเบียนแล้ว แต่เนื้อหาสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบ ปท.จึงเป็นเหตุเพียงพอที่จะระงับการใช้แถลงการณ์ต่อไป
วันนี้ (11 ก.ย.) นายชาชิวัฒน์ ศรีแก้ว ตุลาการศาลปกครองกลาง ได้ออกบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด องค์คณะที่ 1 ที่มี นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะ ที่สั่งไม่รับคำร้องของ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และ คณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณียื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่สั่งคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ให้ระงับการบังคับใช้แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ในบัญชีมรดกโลก ที่เสนอโดยรัฐบาลกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ณ นครควิเบก ประเทศแคนาดา
ทั้งนี้ เหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุด สั่งไม่รับคำร้อง ระบุว่า การที่ รมว.ต่างประเทศ และ ครม.อ้างว่า เหตุที่จะกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษาหมดไปแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการมรดกโลก ไม่ได้หยิบยกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมาประกอบการพิจารณานั้น ไม่อาจรับฟังได้ อีกทั้งรายละเอียดในแถลงการณ์ร่วม มีความสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไปภายหน้าได้ รวมถึงอาจก่อให้เกิดการแตกแยกในด้านความคิดของคนในสังคมและวิกฤตต่อความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศไทย กับประเทศกัมพูชา
ดังนั้น เมื่อพิจารณาเห็นว่า แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา จะมีผลเสียหาย มีผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวม และสิทธิของประชาชน จึงมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาไว้ต่อไป จนกว่าจะมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น อันจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของประเทศและประชาชนโดยรวม จึงเห็นว่า คำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของศาลปกครองกลางชอบแล้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง
วันนี้ (11 ก.ย.) นายชาชิวัฒน์ ศรีแก้ว ตุลาการศาลปกครองกลาง ได้ออกบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด องค์คณะที่ 1 ที่มี นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะ ที่สั่งไม่รับคำร้องของ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และ คณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณียื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่สั่งคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ให้ระงับการบังคับใช้แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ในบัญชีมรดกโลก ที่เสนอโดยรัฐบาลกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ณ นครควิเบก ประเทศแคนาดา
ทั้งนี้ เหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุด สั่งไม่รับคำร้อง ระบุว่า การที่ รมว.ต่างประเทศ และ ครม.อ้างว่า เหตุที่จะกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนการพิพากษาหมดไปแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการมรดกโลก ไม่ได้หยิบยกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมาประกอบการพิจารณานั้น ไม่อาจรับฟังได้ อีกทั้งรายละเอียดในแถลงการณ์ร่วม มีความสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไปภายหน้าได้ รวมถึงอาจก่อให้เกิดการแตกแยกในด้านความคิดของคนในสังคมและวิกฤตต่อความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศไทย กับประเทศกัมพูชา
ดังนั้น เมื่อพิจารณาเห็นว่า แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา จะมีผลเสียหาย มีผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวม และสิทธิของประชาชน จึงมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาไว้ต่อไป จนกว่าจะมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น อันจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของประเทศและประชาชนโดยรวม จึงเห็นว่า คำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของศาลปกครองกลางชอบแล้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง
