นักวิชาการรัฐศาตร์ “ชัยชนะ อิงคะวัต” เผย ยินดีกับสถานการณ์การเมืองทุกวันนี้ ที่ภาคประชาชนออกมามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น เชื่อ เป็นการพัฒนาอีกขั้นของประชาธิปไตย-อ.นิติศาสตร์ มสธ.“คมสันต์ โพธ์คง” เชื่อ การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ถือเป็นอีกทางที่น่าสนใจ สังคมน่าจะเปิดใจรับฟัง เพราะบางครั้งระบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่อาจเหมาะกับประเทศไทยก็ได้
วานนี้ (9 ก.ย.) รศ.ดร.ชัยชนะ อิงคะวัต อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นว่า นายสมัคร ไม่ควรกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก ตามที่พรรคพลังประชาชนเสนอ เพราะเมื่อฝ่ายตุลาการได้ตัดสินไปแล้ว ว่า นายสมัคร หมดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ก็เท่ากับเป็นการประกาศให้ทั่วประเทศได้รู้แล้วว่า ไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ตามหลักของนิติธรรมแล้ว นายสมัคร จึงไม่ควรกลับมาดำรงตำแหน่งอีก
ดร.ชัยชนะ ยังกล่าวด้วยว่า ตนคิดว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในขณะนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะถือเป็นพัฒนาการทางประชาธิปไตยอีกขั้นหนึ่ง ที่จะบอกว่า อำนาจการบริหารประเทศ ไม่ควรอยู่ที่มือของรัฐบาลเท่านั้น แต่ควรจะมีอำนาจการตรวจสอบของประชาชนร่วมด้วย จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาทางการเมืองไปในทางที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ ตนเห็นว่า การเมืองในวันนี้ ทุกฝ่ายควรช่วยกันพัฒนาไปให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการเมืองของประเทศเรา ถือว่าล้าหลังมาก หากเทียบกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และสังคม โดยเห็นได้จากในขณะที่ ประเทศของเราในมิติของสังคมและเศรษฐกิจ พัฒนาไปมากมาย แต่ในทางการเมืองกลับไม่มีการพัฒนาเลย การเมืองไทยยังคงย่ำอยู่กับที่ ในเรื่องของเรื่องการทุจริต ขายเสียง
และทางออกของสังคมในวันนี้ ตนมองว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ควรจะทำการยุบสภาเสีย แล้วจากนั้นอาจจะไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ก็ได้ แต่ควรมีการตั้งสภาแห่งชาติ หรือทีมงานที่มาจากทุกฝ่าย มาร่วมหาแนวทาง เพื่อพัฒนาการเมืองให้มีรูปแบบใหม่ ที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ด้าน นายคมสันต์ โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตนมองว่า ทางออกของบ้านเมืองในขณะนี้ ก็คือควรจะมีการชำระล้างบ้านเมืองให้สะอาดก่อน เพื่อสร้างระบบการเมืองขึ้นมาใหม่ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งจนถึงตอนนี้ตนไม่จำกัดว่าจะได้มาด้วยวิธีใด ขอเพียงให้การเมืองสะอาดขึ้น หมดระบอบการทุจริตมิชอบ ของนักการเมืองแบบเก่าๆ
นายคมสันต์ ยังกล่าวถึงเรื่องการเมืองใหม่ตามแนวคิดของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่า สังคมน่าจะลองฟังแนวคิดดังกล่าวให้ดีเสียก่อน ว่า แท้จริงแล้วเขาเสนออะไร สังคมไม่ควรไปยึดติดอยู่แค่ ความคิดดังกล่าวไม่เป็นไปตามแบบแผนของระบอบประชาธิปไตย อย่างพวกยึดติดกับหลักวิชาการมากจนไม่รู้จักนำมาประยุกต์ใช้กับสภาพความเป็นจริงเลย เพราะแท้จริงแล้วบางครั้งระบอบบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนในโลก แต่มันอาจจะเหมาะกับประเทศไทยก็ได้ ดังนั้น ตนมองว่า เมื่อฝ่ายพันธมิตรฯ เสนอมาแล้ว สังคมก็น่าจะเปิดใจให้กว้าง เผื่อว่า อาจจะมีอาจอย่างที่เมื่อร่วมกันคิด และประยุกต์ แล้วอาจจะเหมาะ และสมควรนำมาใช้ปฏิรูปการเมืองของประเทศเราก็เป็นได้