นายกฯ กระเหี้ยนกระหือรือ เปิดสภาร่วมท้าให้ฝ่ายค้าน-ส.ว.ซักไซร้ ยกโวหารจะได้รู้ใครใส่กางเกงในสีอะไร “มาร์ค” ย้อนอดีตกระบวนการนิติบัญญัติไม่เคยแก้วิกฤตสถานการณ์การเมืองได้เลย ด้าน “จุรินทร์” สับแหลก ไล่นายกฯ ลาออกกลางสภา ยุติบ้านเมืองลุกเป็นไฟ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอภิปราย
วันนี้ (31 ส.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อภิปรายในการประชุมร่วมกันรัฐสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญนิติบัญญัติ ในฐานะผู้เสนอเปิดการประชุมโดยไม่ลงมติว่า ขอกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าให้สมาชิกได้ใช้เวทีนี้ซักไซร้กันให้เต็มที่ จะได้รู้กันเสียทีว่าใครนุ่งกางเกงในสีอะไร ไม่ต้องปิดบังกันต่อไป พูดกันให้หมด
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมือง อย่างเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กระบวนการนิติบัญญัติ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้เลย ดังนั้นจึงขอฝากเตือนเพื่อนสมาชิกว่าอย่าคาดหวังในการประชุมในครั้งนี้ให้มากกว่า ประกอบกับการเมืองในสมัยนี้ได้พัฒนาไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเมืองภาคประชาชน แม้ว่า ส.ส.ต้องรับเสียงสะท้อนของประชาชน แต่เมื่อมีความแตกแยกอย่างรุนแรงและมีท่าทีจะลุกลามบานปลาย ส.ส.หรือตัวแทนของประชาชนจะนั่งเป็นกระจกสะท้อนปัญหาอย่างเดียวไม่ได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นถือเป็นการเมืองภาคประชาชนสมบูรณ์ที่ขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะตัวนายสมัคร สุนทรเวช และถือเป็นครั้งแรกที่มีชุมนุมเป็นเรือนแสนทั่วประเทศ และยืดเยื้อยาวนานกว่า 3 เดือน
ต้องไม่ลืมว่าตัวจุดชนวนให้กลุ่มพันธมิตรฯ ขยายวงชุมนุมเติบโตขึ้น คือ ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อพวกพ้อง นายกฯ ได้ใช้สื่อของรัฐปีละ 500 ล้านบาท จัดรายการ “ความจริงข้างเดียว” (ความจริงวันนี้) ทางช่องเอ็นบีที เพื่อใช้ตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลมุ่งล้างแค้นองค์กรอิสระ เช่น กกต. เพราะแจกใบแดงรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หรือ ป.ป.ช.และศาล รธน. อีกทั้งยังได้ตั้งข้อกล่าวหาแกนนำพันธมิตรรุนแรงเกินกว่าความเป็นจริง พฤติการณ์เหล่านี้คือเงื่อนไขที่ประชาชนไม่พอใจและเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มากขึ้น เพราะพฤติกรรมก้าวร้าวระรานองค์กรต่างๆ พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายกฯ พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกก่อนที่บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายจุรินทร์อภิปรายถึงตรงนี้ ทำให้บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้ยกมือลุกขึ้นประท้วง ทำให้บรรยากาศวุ่นวายเล็กน้อยและส่อไปในทิศทางไม่มีทางสมานฉันท์หรือยุติสถานการณ์ได้เลย
หลังจากนั้น นายสมัคร ลุกขึ้นกล่าวตอบโต้นายจุรินทร์ทันทีว่า เป็นการกล่าวหาที่เกินกว่าเหตุ ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เพราะนี่ไม่ใช่การโต้วาทีที่จะมากล่าวหากัน 1 2 3 4 เหตุการณ์มันเกิดทีหลังการปลุกระดม จะว่าอะไรกัน จะกล่าวหาอะไรกันขอให้ดูข้อมูลหน่อย ใครๆ ก็รู้ว่ามันเกินเหตุ มันผิดปกติ จึงต้องมีการแก้ไข มันต้องดูข้อมูลย้อนหลัง แต่นี่ทำเหมือนว่านายกรัฐมนตรีทำผิด
“ผมถูกกล่าวหา ผู้ชี้แจงให้ผมพิจารณาตัวเอง กล่าวหาว่าผมทำให้เกิดความเสียหายกับบ้านเมือง ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไร ไม่เคยลุกล้ำทั้งๆที่ผมถูกลุกล้ำ ไม่เคยใช้ความรุนแรง รัฐบาลผมไม่มี แต่มีรัฐบาลเมื่อ 2543 พม่าเข้ายึดโรงพยาบาล และส่งกำลังเข้าไปจนทำให้มีผู้เสียชีวิตต่างกับผมที่พยายามประคับประคอง แต่มากล่าวหากันว่าไอ้คนที่ชื่อนายสมัคร ว่าเป็นก่อเหตุตลอดระยะเวลา 7 เดือน นี่ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาให้ผมพิจารณาตัวเอง ลองย้อนดูว่ามันมีข้อเท็จจริงอย่างไร ฟังแล้วอ๋อ ท่านอยู่ข้างพันธมิตรฯ”นายสมัครกล่าว
ส่วนประเด็นแก๊สน้ำตานั้น นายกฯ กล่าวพร้อมโชว์ภาพถ่าย ว่า ก็กำลังสรุปกันอยู่ว่ามันเป็นอะไร ถ้าดูจากรูปถ่ายมันไม่ใช่แก๊สน้ำตา ทั้งนี้ การจะพูดจากล่าวหากัน หรือจะให้พิจารณาตนเอง ก็ขอพิจารณาตัวเองว่าขอทีให้ย้อนดูว่าสิ่งที่พูดมันเท็จจริงอะไร ฟังได้ว่าอยู่ข้างพันธมิตรฯ