“สมเกียรติ” เชิดชูระบบคุณค่าจาก “แม่” ยิ่งใหญ่ที่สุด แม่คือผู้ที่พร้อมทุ่มเทเสียสละเพื่อให้ลูกมีอนาคตที่มั่นคงกว่า จนหลายประเทศใช้ยุทธศาสตร์ “แม่นำหน้า” เพราะความเป็นแม่จะเสียสละและซื่อสัตย์ ช่วยลดการคอร์รัปชันลงได้
เมื่อเวลาประมาณ 00.20 น.วันที่ 13 ส.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ร่วมกล่าวเทิดพระคุณแม่เนื่องในวันแม่แห่งชาติว่า สำหรับตนแล้วคิดว่า ระบบคุณค่าในโลกนี้ ไม่มีระบบคุณค่าอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับระบบคุณค่าจากแม่ แม่คือสิ่งที่เรียกว่าเป็นระบบสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะหากไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่มีมนุษย์ ไม่มีสังคม ไม่มีประเทศชาติอย่างทุกวันนี้ นอกจากนี้แม่ยังเป็นผู้ที่ออกแบบชีวิตของลูก และเสียสละได้เสมอ ระบบนี้ถ้าไม่มีสตรีโลกก็จะสิ้นสุดลง
นายสมเกียรติ กล่าวว่า แม่ของตนเป็นสาวบ้านป่าที่มีโอกาสได้แต่งงานกับลูกคนจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ต่างคนต่างช่วยกันทำมาหากิน และช่วยกันวางอนาคตให้ลูก การทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกไม่มีใครเกินแม่ และแม่เป็นผู้ที่รับผิดชอบลูกๆ มาตั้งแต่ตนอายุ 7 ขวบ หลังจากพ่อเสียชีวิต แม่คือผู้รับผิดชอบ และกุมชะตากรรมชีวิตลูกเอาไว้ ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้เสียสละให้ลูกแล้วแม่ยังเสียสละให้คนอื่นจนถือว่าเป็นพี่ใหญ่ในหมู่บ้าน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ความเป็นแม่จะประทับลงในจิตใจของลูกน้อย ถึงเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่จะให้ลูกเติบโตมาอย่างมีความมั่นคงมากกว่าตัวแม่เอง พระคุณอันนี้ถือว่ายิ่งใหญ่มาก หลังจากสูญเสียพ่อแล้ว แม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งหากเราสูญเสียแม่แล้ว พ่อก็ไม่เท่าแม่ ความเชื่อมั่นแบบนี้ ทำให้ตนนึกถึงยุทธศาสตร์ “แม่นำหน้า” คือยุทธศาสตร์ที่หลายประเทศเริ่มใช้ โดยการเลือกนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองเป็นผู้หญิงมากขึ้น เพราะเมื่อสตรีเป็นผู้นำ อย่างน้อยๆ การคอร์รัปชันจะน้อยลง ด้วยความที่ผู้หญิงมีพื้นฐานของความเสียสละอยู่มากมาย ดังนั้นจึงอยากฝากไปถึงผู้หญิงทุกคนด้วยว่า ควรจะมีความเป็นแม่อยู่ในตัว เพราะหากมีความเป็นแม่แล้วจะมีความเสียสละ ความซื่อสัตย์ ไม่โกหก และสุจริตในการดำรงชีวิต ตนเชื่อว่าความดีเท่านี้ก็สามารถช่วยค้ำจุนโลกได้แล้ว
“แม่ของผมเป็นคนดี เข้าวัดทำบุญอยู่ตลอด แม่ผมไม่เคยโกงภาษี หรือซุกหุ้น แม่ผมดำรงชีพด้วยการเลี้ยงสุกร และปลูกผัก แม่ไม่โกหกเลย ถ้าแม่หนีภาษีแม่ก็บอกว่าหนีภาษี ถ้าทุกโครงการที่อนุมัติจะต้องหัก 10% แม่ก็จะบอกนะ”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า กว่า 50 ปีที่แม่หล่อหลอมทุกสิ่งทุกอย่างจนกลายเป็นตัวตนในวันนี้ ซึ่งสิ่งที่ตนจำได้ดีก็คือ ความห่วงหาอาทร ความผูกพันที่แม่มีให้เสมอมา แม่เสียชีวิตเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ด้วยโรคหัวใจในวัย 81 ปี ก่อนที่แม่จะสิ้นใจได้ 2 วัน แม่ก็บรรจงทำอาหารให้ตนกิน แม่ตนทำอาหารได้อร่อยมาก เป็นสตรีท้องทุ่งที่ทำอาหารอร่อยที่สุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมากจากรุ่นปู่ย่าตายาย จนตนรู้สึกว่าไม่มีอาหารจานไหนอร่อยเท่าที่แม่ทำ นั่นเพราะแม่ใส่ใจลงไปด้วย และแม้แต่ในวันสุดท้ายของแม่ แม่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 ม.ค.51 ซึ่งเป็นการจากไปพร้อมกับชัยชนะในการเลือกตั้งของตน แม้กระนั้นก่อนแม่จะสิ้นใจก็ยังคงเฝ้าถามตนอยู่ตลอดเวลา ว่าชนะการเลือกตั้งแล้วแน่หรือ ซึ่งนี่เองคือความห่วงหา ห่วงใยที่มีให้ตลอดมา
ดังนั้นตนจึงขอคารวะ แม่ทุกคนด้วยความจริงใจ และขอให้ลูกๆ ทุกคน ให้รักแม่เท่ากับรักชีวิตของตัวเอง เพราะตัวแม่เองก็รักลูกเท่าชีวิต และสามารถสละชีวิตตัวเองได้เพื่อลูกเช่นกัน