ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้อง ส.ว.กรณี “วิรุฬ” ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 โดยศาลให้คู่กรณีที่สองฝ่ายทำคำชี้แจงภายใน 7 วัน ศาลนัดฟังคำวินิจฉัย 6 ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยาน ผู้ถูกร้อง และผู้ร้องกรณีคำร้องที่สมาชิกวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 269 หรือไม่
โดยมี นายองอาจ วงศ์วโรราฬ ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะพยาน และนายสมชาย แสวงการ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.ในฐานะผู้ร้อง นายธวัช อรรธวรรัตน นายปัจจุคมน์ เจริญรัชต์ ในฐานะทนายความผู้ถูกร้อง เข้าร่วมเบิกความ และซักถาม
ทั้งนี้ ในการไต่สวนคดี ทั้งนายชัช ชลวร และนาย วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ซักถามพยานถึงการยื่นจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัท ทรัพย์วัฒนา ว่ามีผลอย่างไรในทางปฏิบัติ และถือเป็นการสิ้นสุดขั้นตอนตามกฎหมายแล้วหรือไม่ ซึ่งนายองอาจ วงศ์วโรราฬ ชี้แจงว่า บริษัทดังกล่าวได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อมีมติเลิกกิจการ 2 ครั้ง คือ วันที่ 20 ธ.ค.2550 และ 15 ม.ค.2551 จากนั้นจึงได้ยื่นจดทะเบียนเลิกบริษัทเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2551 ซึ่งในรายงานของบริษัทระบุว่าได้หยุดประกอบกิจการมาตั้งแต่ปี 2546 เพราะไม่ปรากฏว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการ มีแต่การลงบัญชีว่ามีรายได้ที่เกิดจากดอกเบี้ยและรายได้จากหนี้สูญที่ได้รับคืน
อย่างไรก็ตาม นายองอาจยังได้ชี้แจงอีกว่า ระหว่างนี้ยังถือว่าบริษัท ทรัพย์วัฒนา ยังอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นตามกฎหมาย และหากมีการถือหุ้นอยู่ก็เป็นการถือหุ้นเพื่อรอรับส่วนแบ่งที่ยังเหลือ หากระหว่างนี้มีการโอนหุ้นไปให้คนอื่นก็ไม่จำเป็นที่ทางบริษัทจะต้องแจงให้สำนักทะเบียนธุรกิจได้รับทราบ
นายชัช ยังได้ซักถามถึงผลของการจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัท ซึ่งนายองอาจชี้แจงว่าผลทางกฎหมายมีผลตั้งแต่ที่บริษัทมีมติให้เลิกกิจการ ส่วนการยื่นขอจดทะเบียนเลิกบริษัทเพื่อให้เป็นที่รับรู้ของบุคคลทั่วไปเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมใช้เวลาไต่สวนประมาณชั่วโมง นายชัชได้สั่งให้คู่กรณีทำคำแถลงปิดคดีส่งมาให้ศาลภายใน 7 วันนับแต่วันนี้ พร้อมกับนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าววันพุธที่ 6 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น.