xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” จวก ตร.อุดรฯ ตั้งข้อหาหน่อมแน้ม 2 หัวโจกถ่อยทำร้ายพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ” จวก “เฉลิม” เป็น รมต.ไร้จรรยาบรรณ ทำตัวเป็นหัวหน้าซ่องโจร สนับสนุนคนถ่อยทำร้ายพันธมิตรฯ เตือนตำรวจอุดรฯ ตั้งข้อหา 2 หัวโจกสถานเบา มีความผิดฐานจงใจช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้รับโทษน้อยลง ร้อง สตช. ต้องนำมาดำเนินคดีที่กองปราบ พร้อมจี้ต่อมสำนึก 3 รมต.จำเลยคดีหวยบนดิน ดื้อแพ่งทำงานต่อ มีความผิดตามกฎหมายอาญาเข้าคุกได้ ย้ำจุดยืน ต้านการแก้รัฐธรรมนูญ ล้างการเมืองเก่าสร้างการเมืองใหม่

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันที่ 28 ก.ค. เวลาประมาณ 22.35 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศัยบนเวทีสะพานมัฆวานฯ ย้ำถึงเหตุการณ์พี่น้องพันธมิตรถูกทำร้ายที่จังหวัดอุดรธานีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทิ้งไม่ได้ เราจะต้องต่อสู่กับกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด ต้องเอาคนชั่วติดคุกให้ได้ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ไหนที่คาดผ้าแดง นปก. สนับสนนุนให้คนตีพี่น้องชาวอุดรฯ ซึ่งเรายอมไม่ได้ เรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เองรู้กฏหมายดี รู้หน้าที่ของตัวเองดี แต่การสนับสนุนให้คนทำร้ายประชาชน ถือว่าเป็น รมต.ที่ไร้จรรยาบรรณ ทำตัวเป็นหัวหน้าซ่องโจร แบบนี้รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น

โดยวันนี้ หลังจากที่เราได้ไปยื่นหนังสือต่อผู้แทนข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย ณ ที่ประชุมองค์การสหประชาชาติแล้ว เราจะส่งคลิปวีดิโอทั้งหมดไปให้ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนดูด้วย เพราะไม่มีรัฐบาลไหนในโลก ที่ รมต.จะแบ่งแยกประชาชนแบบนี้ ซึ่งรัฐบาลเองจะปฏิเสธไม่ได้ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนั้น สื่อมวลชน นักวิชาการต้องแยกแยกเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ไม่เคยประทะกับใคร เราประทะกับรัฐบาลหุ่นเชิดสมัครอย่างเดียว ด้วยการพูดแต่เรื่องจริงว่ารัฐบาลนี้เป็นอย่างไร และสนับสนุน นปก.อย่างไรบ้าง

อย่างไรก็ตาม 2 หัวโจกกลุ่มคนรักอุดรได้เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว ซึ่งตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้ตั้งข้อกล่าวว่า เป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่ในการสั่ง มีการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ก่อนปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องประกันตัวแต่อย่างใด การกระทำแบบนี้ขอเตือนว่าตำรวจอุดรฯ กำลังมีความผิดฐานจงใจช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษสถานเบา และละเว้น ตัดตอนไม่นำผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดี มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีที่เฉยเมยต่อเหตุการณ์ดังกล่าวก็ต้องดำเนินคดีด้วย เพราะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อุดรฯ มีการวางแผนและเตรียมการเป็นอย่างดี มีรถปอเต็กตึ๊ง มีเรือเตรียมรับผู้บาดเจ็บหรือเก็บศพ มีการเตรียมการตัดไฟฟ้า พร้อมด้วยอาวุธ จึงถือว่ามีความผิดฐานพยายามฆ่า หรือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่กลับมาตั้งข้อหาเบาๆ เพื่อจงใจช่วยเหลือ นอกจากนั้น ยังมีการทำลายทรัพย์สินของพันธมิตรมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เรื่องนี้ต้องดำเนินคดีนี้ด้วย นอกเหนือจากนั้น ยังเผาทำลายทรัพย์สิน ก็ต้องมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นด้วย ข้อหาเยอะแยะขนาดนี้ แต่กลับตั้งข้อหาน่อมแน้มเท่านั้น

“ขอเตือนว่า ตำรวจอุดรฯ ต้องมีส่วนด้วย ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต้องนำมาดำเนินคดีที่กองปราบ ไม่ใช่ที่อุดร เพราะผู้ว่าราชการฯ ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ ถ้าจะให้เกิดความยุติธรรมจริงๆ ต้องเอามาดำเนินคดีที่ กทม. ตั้งข้อกล่าวหาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะสมรู้ร่วมคิด และอยู่ภายใต้กลุ่ม นปก.ของรัฐบาล เรื่องนี้มาถึงขนาดนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนจับตาดู ถ้าตำรวจไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และสมรู้ร่วมคิด ดังนั้น ต้องยื่นให้ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดในครั้งนี้ด้วย” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราชุมนุมอย่างสงบด้วยหลักอหิงสา เมื่อมีคนมาตีเรา มาทำร้ายเรา เราก็ต้องใช้กฏหมายอย่างเต็มที่เช่นกัน เพื่อพิสูจน์ว่าตุลาการมีความเป็นธรรมจริง นอกจากนี้ ขอเตือนกรมประชาสัมพันธ์ การสื่อสารแห่งประเทศ ที่ตัดคลื่นสัณญาณมือถือในบริเวณชุมนุม ซึ่งตอนนี้มีทั้งรถดักฟังโทรศัพท์และตัดช่องสัญญาณอยู่ประมาณ 10 คันอยู่บริเวณนี้ว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดเช่นกัน แต่ถ้าขืนยังทำต่อสัปดาห์หน้า ประชาชนจะยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่พิจารณาความผิดต่อไป

สำหรับคดีหวยบนดิน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีไปแล้วนั้น ที่ผ่านมามีความพยายามตีรวนตลอดเวลา ว่า คตส.มีอำนาจหรือไม่ แต่สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญก็พิจารณาว่ามีอำนาจ จนที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีแล้ว หากรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ทั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นางอุไรวรรณ เทียนทองและนายอนุรักษ์ จุรีมาศ ยังดื้อแพ่งทำงานต่อ อาจจะมีความผิดตามกฎหมายอาญาเข้าคุกได้ เพราะ คตส.มีอำนาจที่ถูกต้อง และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็รับฟ้อง ดังนั้น ท่านต้องยุติการทำงานทันที แต่ถ้ายังดื้อแพ่งลงเข้าไปในบ่อต้องติดคุกแน่นอน

นายพิภพ กล่าวว่า คนเหล่านี้ต้องใช้กฏหมายเป็นตัวกำกับ เพราะมักจะอ้างว่าเคารพกฎหมายมาตลอด อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่พูดเลยว่าเสียงที่ได้มานั้นเป็นการซื้อเสียงมา แถมยังอ้างว่ามีสิทธิชอบธรรมมากกว่าเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกสอยใบแดงเหลืองมาเป็นระยะ และยังเอาคนมีคดีหมิ่นมาเป็น รมต. เอาคนมีคดีติดตัวมาเป็นประธานสภา นั่นแสดงว่า เขาไม่เคารพกฎหมายเลย ดังนั้น ขอเตือนไว้ว่าการทำผิดกฎหมายกำลังผูกมัดคุณทุกขณะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หรือหยุดเล่นการเมืองไปแล้ว เราจะตามเรื่องนี้ไปตลอด เพราะคดีนี้ไม่มีอายุความ

นอกจากนั้น การทำงานของ ป.ป.ช.เองตอนนี้ก็ช้าเหลือเกิน บ้านเมืองเสียหายเพิ่มขึ้นทุกทีแล้ว ต้องเร่งทำงานมากกว่านี้ เพราะถ้าขืนไม่เร่งเราจะไปถวงทามสักวัน ด้านอัยการสูงสุดเองก็อย่าตีรวน ถ้าวันนี้ยังตีรวนอยู่เราก็ต้องไปอัยการสูงสุดด้วย ดังนั้น เราจะดำเนินการตามขั้นตอน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ช่วยเรา

นายพิภพ กล่าวย้ำว่า เป้าหมายของการชุมนุมของเราในครั้งนี้ เนื่องด้วยเหตุของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมาเขาถอยแต่ไม่ได้ยกเลิก คนที่เคยสนับสนุนเราบางคนก็บอกว่า เราชนะแล้วก็น่าจะพอได้แล้ว แต่ถึงวันนี้วันที่เรายืนหยัดชุนมุนมาถึง 65 วัน แสดงให้เห็นว่าเราทำถูกต้อง เพราะเขากำลังจะเอากลับมาแก้ไขอีกครั้ง ถึงแม้เราจะสะสมชัยชนะมาเรื่อยๆ กระบวนการยุติธรรมหลายอย่างได้ผล แต่รัฐบาลก็ยังดำเนินการแก้ต่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตรา ถ้าเราปล่อยให้เขาแก้ได้ เราต้องแพ้

ดังนั้น เราต้องต่อสู้เพื่อให้เขาแก้ไม่สำเร็จ ซึ่งตอนนี้ มี 2 เรื่องที่เขาพยายามจะรุกกลับคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการย้ายข้าราชการทหารระดับสูงในเดือนกันยายน ดังนั้น เราต้องอยู่ที่นี้ต่อ ขณะเดียวกัน ตุลาการ องค์กรอิสระต้องทำให้เร็วขึ้น ทั้ง กกต. ป.ป.ช. เพราะเราหวังพึ่งกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่พิจารณาไปมั่ว แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญว่า คดีอันไหนที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศมากที่สุดก็รีบจัดการก่อน

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาแพ้ รัฐมนตรีต้องหยุดทำงานและเหลือเพียงไม่กี่คน ไม่นานเขาจะต้องยุบสภาแน่ แต่ตอนนี้เขากำลังหวั่นว่าจะไม่ได้เสียงมากอย่างคราวที่แล้วหากมีการเลือกตั้งใหม่ ถึงแม้จะมีความพยายามในการจัดตั้งเครือข่ายลงลึกรากหญ้าแค่ไหนก็ตาม เพราะคนอีสาน คนเหนือ ดูเอเอสทีวีมากขึ้น และเห็นความจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือแท็กซี่ หลายคนไม่สนับสนุนทักษิณอีกต่อไปแล้ว

“พี่น้องไม่ต้องห่วง เราสู้ได้แน่ เขาทำผิดกฎหมายเราต้องเอาเข้าคุก ซึ่งก่อนจะเกิดการเมืองใหม่ ต้องล้างการเมืองเก่า เอากฎหมาย เอาคุณธรรม และความยุติธรรมนำหน้า เมื่อนั้นการเมืองใหม่จึงจะเกิด แต่วันนี้เราต้องสะสางการเมืองเก่าให้หมดจดงดงามก่อน” นายพิภพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น