“อานันท์” ตอกหน้า “เจ้าหน้าที่รัฐ” ทำผิด กม.ชัดเจน ฐานปล่อยให้ “ม็อบถ่อย” ควงมีด-ไม้ไล่ฆ่า ปชช.ย้ำชัด “พันธมิตรฯ” แสดงสิทธิชุมนุมอย่างสงบโดยชอบธรรมภายใต้ รธน. ก่อนเตือน “ม็อบเถื่อน” ต้องมีวินัย-ไม่ก่อเหตุร้าย เชื่อ “เตช” กู้ภาพลักษณ์-หาทางออกข้อพิพาท “พระวิหาร” ให้แก่ชาติบ้านเมืองได้
วันนี้ (26 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งจากอาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นว่า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเป็นประธานพิธีเปิดงาน “35ปี 14 ตุลา วันสืบสานประชาธิปไตย” ถึงปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติขณะนี้ว่า คงต้องแก้ที่ต้นเหตุ ต้องมองว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ส่วนการทำร้ายประชาชนที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่การที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนหยัดชุมนุมมา 2 เดือนกว่านั้น ถือเป็นการแสดงสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งบางครั้งอาจเลยเถิดไปบ้าง แต่หลักการใหญ่เป็นการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ใช้หลักอหิงสา ไม่มีการทำลายล้างกัน
“ตราบใดที่ยังให้พันธมิตรฯ ชุมนุมแบบนี้ การทำร้ายกันก็จะไม่เกิดขึ้น นอกจากจะมีใครไปหาเรื่องเขา ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าต้องติดตามว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ก็โชคดีแม้สถานการณ์ใน กทม.จะไม่ค่อยดีนัก แต่ที่เขาชุมนุมกันมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ถือเป็นความดีของทั้งสองฝ่าย แต่ในต่างจังหวัด ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่หลายคนรับไม่ได้ เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิของผู้ชุมนุม ถ้าคุณเอาอาวุธ ไม้ มีด ไปไล่ตี และถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถหรือไม่ต้องการปกป้อง หรือส่งเสริมก็ถือว่าผิดกฎหมาย” นายอานันท์ กล่าว
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าปัญหาที่กำลังถกเถียงกันวันนี้ไม่สามารถบรรลุหาคำตอบได้ เพราะมันเลยจุดนั้นไปแล้ว ขณะนี้ข้อเท็จจริงและเหตุผลหมดไปเมื่อมีอารมณ์มาแทรก ทำให้การพูดจากันให้รู้เรื่องคงลำบาก แต่เรื่องการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธที่ฝ่ายหนึ่งอยากทำ ก็ต้องปล่อยให้เขาทำไป ส่วนอีกฝ่ายต้องระมัดระวัง และมีวินัยไม่ให้ไปก่อเหตุร้าย ส่วนกรณีที่แต่ละฝ่ายไม่ฟังเหตุผลกันและกัน แล้วบ้านเมืองจะไปรอดหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องของเมืองไทย เป็นบุญเป็นกรรมอย่างไรตนไม่ทราบ
นายอานันท์ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของนายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศ คนใหม่ว่า นายเตช เป็นคนที่มีพื้นฐานความรู้ และมีประสบการณ์ค่อนข้างดีมาก เมื่อครั้งที่ตนทำงานในกระทรวงต่างประเทศนั้น นายเตชเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศจีน และร่วมคณะของตนในการเดินทางไปเปิดความสัมพันธ์กับจีน และผ่านชีวิตราชการมาแล้วหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย ปักกิ่ง เจนีวา วอชิงตัน ดี.ซี. ถือเป็นข้าราชการกระทรวงต่างประเทศที่เด่นคนหนึ่ง เชื่อว่าปัจจุบันนายเตช ยังไม่ทิ้งเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ
“การที่ได้คนอย่างนายเตช มา ผมคิดว่าเป็นบุญของรัฐบาลชุดนี้ เพราะทำให้หน้าตาดีขึ้น ส่วนนายเตช จะเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหารได้หรือไม่นั้น ผมให้ความเห็นไม่ได้ แต่ต้องเข้าใจว่านายเตช เข้ามาในช่วงเหตุการณ์ไม่ปกติ ฉะนั้น นายเตชจึงมีหน้าที่ที่ต้องสะสางปัญหาที่สร้างกันมาในอดีต” อดีตนายกฯ กล่าว