กกต.เตรียมลงมติชี้ขาดคุณสมบัตินายกฯ กรณีจัดรายการชิมไปบ่นไปและการยกโขยง 6 โมงเช้า ขัด รธน.หรือไม่ หลังอนุกรรมการฯ เสียงข้างมากเห็นควรให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาล รธน.เป็นผู้วินิจฉัย
วันนี้ (16 ก.ค.) เวลา 09.30 น. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมพิจารณาลงมติชี้ขาด สำนวนร้องการจัดรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกโขยง 6 โมงเช้า ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขัดต่อมาตรา 267 ซึ่งจะทำให้สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หลังจากที่คณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่มี พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ เป็นประธาน สรุปสำนวนเสนอมายังที่ประชุม กกต.แล้ว
โดยคณะอนุกรรมการไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า เรื่องดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ แต่มีความเห็นในข้อกฎหมาย โดยเสียงข้างมากเห็นควรให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย เนื่องจากเป็นปัญหาในข้อกฎหมาย และเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกับกรณีของนายไชยา สะสมทรัพย์ ที่ กกต.เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยไม่มีความเห็น
นอกจากนี้ กกต.ยังได้นำเรื่องคุณสมบัติของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เข้าสู่การพิจารณาในวันนี้ด้วย
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึง การประชุมกกต.ที่จะมีการพิจารณากรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายก เป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกขโยง 6 โมงเช้า ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ว่า นอกจากที่ประชุมจะมีการพิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการพิจารณา สำนวนของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ กรณีไม่แจ้งการถือครองหุ้นต่อ ป.ป.ช. โดยคณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุด ได้สรุปสำนวนการสืบสวนสอบสวนอย่างครบถ้วน และกกต.ทุกคนได้ตรวจเอกสาร ทบทวน ศึกษาจนหมดแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีสั่งให้สอบเพิ่มอีก
“ที่ประชุมจะสามารถลงมติเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาหรือไม่ ได้ในวันนี้ แต่กกต.จะไม่ชี้ว่านายสมัคร และนายวิรุฬ กระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจที่ศาลจะพิจารณาและวินิจฃฉัย ว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่” นายประพันธ์กล่าว
