xs
xsm
sm
md
lg

เป็นตุเป็นตะ! “พลังแม้ว” อ้างตุลาการถูกยืมมือ-เหตุต้องรื้อ รธน.50

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุทิน คลังแสง
“สุทิน” อ้างน้ำขุ่นๆ แก้-ไม่แก้ รธน.บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ดี ยันเดินหน้าแก้ทันทีหลังเปิดสภา อ้างตุลาการมีเงาร้ายปรากฏ ต้องดึงให้เดินตามกรอบ ก่อนเกิดวิกฤตตุลาการรอบ 2 อ้างเป็นตุเป็นตะกลุ่มก่อรัฐประหาร-อมาตยาธิปไตย-นายทุนใหญ่ จ้องทำลาย “ทักษิณ” และ พปช. ใช้พันธมิตรฯ จุดหัวเชื้อ แล้วยืมมือตุลาการเข้าสังหาร

วันนี้ (14 ก.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาทันทีหลังจากที่มีการเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติว่า พรรคพลังประชาชนได้พิจารณาดูแล้วว่าแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่แก้รัฐธรรมนูญก็มีความวุ่นวายพอกัน ดังนั้นส.ส.พรรคพลังประชาชนจึงเห็นว่าควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า เนื่องจากวันนี้บ้านเมืองไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามว่า เหตุใดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จึงออกมาเปลี่ยนท่าทีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้กำชับห้ามทุกฝ่ายพูดว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุทินกล่าวว่าที่นายสมัครเปลี่ยนท่าทีเรื่องนี้ เพราะทราบว่าหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีปัญหาในการบริหารบ้านเมืองแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจตุลาการที่ปรากฏเงาร้ายจองล้างจองผลาญ ซึ่งทำให้เห็นถึงเค้าลางว่าอำนาจตุลาการ และอำนาจฝ่ายบริหารเริ่มมีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะทำเพื่อตัวเอง นายสุทินกล่าวว่า อยู่ทีสังคมจะพิจารณาว่าใครทำเพื่อตัวเองกันแน่ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเองเมื่อถูกทำร้าย อย่างกรณีเรื่องเขาพระวิหารทำไมบอกให้เข้าสภาฯ ทั้งที่เดิมตอนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการทำ JTEPA ไม่เห็นต้องรายงานต่อสภาฯ แบบนี้มันเรียกว่าอะไร ทั้งนี้ นายสุทินไม่ได้อธิบายว่า กรณี JTEPA นั้นทำในขณะที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญ 2550 บังคับใช้

เมื่อถามต่อว่า ทางพรรคพลังประชาชนจะไม่รอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุทิน กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ คงจะศึกษาเสร็จภายในเดือนสิงหาคมซึ่งคงจะเป็นช่วงเดียวกับการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนพอดี ซึ่งการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ก็สามารถนำมาพิจารณาในวาระที่สองได้

เมื่อถามย้ำว่า การที่พรรคพลังประชาชนไม่รอให้คณะกรรมาธิการฯ ศึกษาเสร็จก่อนจะดูเหมือนเป็นการหักหน้ากันหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอไม่ได้ เพราะมีผลกระทบที่เกิดขึ้นกับฝ่ายบริหาร

“วันนี้ตุลาการเป็นที่พึ่งสุดท้าย เป็นอำนาจที่น่าเชื่อถือมากกว่าอำนาจทุกฝ่าย แต่โครงสร้างการจัดวางตุลาการ รวมถึงการได้มาจะต้องอยู่ในจุดที่เหมาะสม แต่ที่มาของตุลาการคงจะไม่มีใครแตะ เพราะถือว่าดีอยู่แล้ว แต่อำนาจที่เกินก็จะต้องเข้ามาอยู่ในกรอบ เพราะการให้ตุลาการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง คนก็มองว่ามีความเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรม เช่น เรื่องกลุ่มพันธมิตรฯ เคยที่จะถอดถอนศาลแพ่งหลังมีคำสั่งให้เปิดถนน ซึ่งทำให้เห็นว่าการก้าวเข้ามาในบริบทการเมืองศาลก็จะถูกลูบคม กลายเป็นศาลถูกคุกคาม ดังนั้นทางออกเรื่องนี้ตุลาการก็จะต้องกลับไปอยู่ในจุดเดิม” นายสุทินกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการศึกษาโครงสร้างรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ของสภาผู้แทนราษฎร เตรียมที่จะเสนอให้แก้ไขอำนาจตุลาการที่ล้ำเส้นเข้ามาในฝ่ายบริหาร นายสุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่จะแก้ไขอย่างไรต้องไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่ามีความจำเป็นที่อำนาจตุลาการจะต้องทำหน้าที่ถ่วงดุลกับอำนาจบริหาร แต่ถ้าเกินพอดีก็จะกลายเป็นวิกฤตตุลาการได้

นอกจากนี้ กรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญฯ เตรียมจัดสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “ตุลาการภิวัตน์กับหลักนิติรัฐ” ขึ้นในเดือนสิงหาคม ช่วงเปิดสมัยประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติด้วย

นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้มีกระบวนการตามจองล้างจองผลาญพรรคพลังประชาชนอย่างไม่หยุดยั้ง ถือเป็นกระบวนการไล่ล่าภาค 2 ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่ประกอบไปด้วยกลุ่มที่ก่อรัฐประหาร กลุ่มอมาตยาธิปไตย กลุ่มทุนที่ตัวใหญ่มาก และคนที่สูญเสียประโยชน์จากนโยบาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวให้ติดคุก และให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบ รวมไปถึงการล้มล้างรัฐบาลนายสมัคร จากนั้นจะถ่ายอำนาจไปให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยก่อนหน้าที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะบริหารงานนั้นอาจจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติก่อน

“เครื่องมือที่คนกลุ่มนี้ใช้ คือ รัฐธรรมนูญ โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นหัวเชื้อทำให้เกิดความชอบธรรม และยังแอบอิงสอดแทรกคิดว่าจะใช้อำนาจตุลาการภิวัฒน์เป็นเครื่องมือ ซึ่งตุลาการก็อาจจะรู้ทันในเรื่องนี้ แต่จะต้องตัดสินไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ กลายเป็นแผนยืมมือท่านไปกลั่นแกล้ง” นายสุทินกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น