“ประพันธ์ คูณมี” ชี้ประชาชนทั่วประเทศตื่นแล้ว ยิ่งชุมนุมนานเท่าไหร่รัฐบาลและการเมืองระบบเก่ายิ่งพังทลาย ชี้อัยการสั่งฟ้อง “แม้ว” ฐานใช้อำนาจมิชอบเพื่อธุรกิจโทรคมนาคมของตัวเอง สะท้อนชัดคำพูด “รวยแล้วไม่โกง” เป็นแค่คำโกหก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย
วันนี้ (12 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สะพานมัฆวานฯ ว่า เวลานี้ประชาชนตื่นขึ้นมาทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทุกสาขาอาชีพ และว่าหากยิ่งชุมนุมนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้รัฐบาลและการเมืองในระบบยิ่งพังทลายลงเรื่อยๆ เพราะเป็นการเมืองภาคประชาชนอย่างแท้จริงและเป็นความหวังของประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายประพันธ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดส่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเองขณะเป็นนายกรัฐมนตรีจนร่ำรวยผิดปกติคิดเป็นเงิน 6 หมื่นล้านบาทว่า เป็นคดีที่มีความสำคัญมาก ที่ชี้ให้เห็นถึงการเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายประพันธ์ ได้ย้อนอดีตความร่ำรวยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า สมัยก่อนเคยทำธุรกิจหนังเร่ ล้มลุกคลุกคลานมานาน ต้องวิ่งแลกเช็กอยู่ตลอด จนกระทั่งแจ้งเกิดจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ได้รับสัมปทานจากองค์การโทรศัพท์ ซึ่งในยุคแรกเคยนำมาขายเครื่องละเป็นแสนบาท ขณทะต่างประเทสขายเครื่องละไม่กี่พัน จนร่ำรวยเป็นหมื่นล้าน จากนั้นก็เบนเข็มมาเล่นการเมือง
นายประพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ารวยแล้วไม่โกง แต่ทุกอย่างตรงกันข้าม เมื่อได้อำนาจก็ทำเพื่อตัวเอง โดยกรณ๊สัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือมีการแก้ไขอายุสัญญาจา 20 ปี เป็น 25 ปี ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกฯ ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นนายกฯ ก็มีการออกกฎหมายให้จ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต ไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทาน ทำให้จ่ายเงินน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งที่ผ่านมาทำความเสียหายกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยในที่สุดอัยการสูงสุดก็สั่งฟ้องแล้ว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ที่มาที่ไปของความร่ำรวยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนเกิดจากการใช้อำนาจรัฐทั้งสิ้น ที่บอกว่ารวยแล้วไม่โกง ล้วนโกหกทั้งสิ้น และความร่ำรวยทั้งหลายล้วนเกิดจากการสูบไปจากประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน เราก็ต้องช่วยกันกระชากลงมา