“อลงกรณ์ พลบุตร” เหลืออด พิธีกร NBT เชิญไปร่วมรายการ “กรองสถานการณ์” ถกประเด็นแก้ไข รธน.กับ “จตุพร พรหมพันธุ์” แต่กลับปล่อยให้ ส.ส.“พลังแม้ว” ได้ตอบคำถามอยู่ฝ่ายเดียวจนเวลาใกล้หมด – อัด “อดิศักดิ์ ศรีสม” ถ้าเชิญมาแล้วไม่ให้พูดจะเชิญมาทำไม !
วานนี้ (11 ก.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเชิญให้ร่วมแสดงความคิดเห็นในรายการกรองสถานการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินรายการโดย นายอดิศักดิ์ ศรีสม โดยถกประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนเริ่มแสดงทีท่าเร่งแก้ไข รธน.ขึ้นมาอีกครั้งว่า การแก้ รธน.นั้น เป็นการแก้เพื่อผลประโยชน์ในอนาคต ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่จะได้ก้าวมาเป็นรัฐบาล ก็จะได้บริหารงานได้อย่างราบรื่นขึ้น ทั้งนี้ ตนยืนยันได้ว่า พรรคพลังประชาชน ไม่ได้มองว่า การเร่งแก้ รธน.ในตอนนี้จะส่งผลเพื่อให้พ้นจากการถูกยุบพรรคเลย
เพราะหากพิจารณาให้ดีแล้วก็จะเห็นได้ว่าปัญหาการเมืองหลายอย่างในวันนี้ เกิดขึ้นจาก รธน.50 ที่เป็นเหมือนกับดักที่ถูกเขียนไว้ เพื่อทำให้การบริหารบ้านเมืองมีปัญหา และไม่ราบรื่น อีกทั้งวันนี้ประชาชนส่วนหนึ่งก็เห็นว่าการแก้ไข รธน.เป็นเรื่องที่สำคัญ แล้วรวบรวมรายชื่อเสนอให้มีการแก้ไข รธน.โดยเร็ว ดังนั้น รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารก็ต้องถือเอาความเห็นของประชาชนส่วนนี้มาพิจารณาด้วย จึงเป็นสาเหตุที่พรรคพลังประชาชนมีความคิดที่จะเร่งแก้ไข รธน.ในตอนนี้ นอกจากนี้ ตนก็อยากจะเรียกร้องว่าฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการแก้ไข รธน.ด้วยว่าจะต้องออกมาแสดงพลังได้แล้ว อย่าปล่อยให้ฝ่ายคัดค้านการแก้ไข รธน.ดำเนินการอยู่ฝ่ายเดียว
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุและผลที่ นายจตุพร และพรรคพลังประชาชน กล่าวมานั้น มันพันกันอยู่ คือ คำกล่าวว่าจะแก้เพื่อวันข้างหน้า แต่ต้องรีบทำวันนี้ มันดูขัดแย้งกันอยู่มาก น่าสับสนว่า ตกลงมีจุดประสงค์อย่างไรกันแน่ อีกทั้งตนยังมองไม่เห็นเหตุผลว่า เหตุใดต้องมีการเร่งแก้ รธน.ขึ้นมาในตอนนี้เพราะกระบวนการแก้ไข รธน.ในวันนี้ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามกระบวนการที่มันควรจะเป็นอยู่แล้ว นั่นคือ นำเรื่องเข้าสู่สภา และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญทั้งจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ขึ้นมาร่วมศึกษาแก้ไปอยู่แล้ว แต่พอมีเรื่องคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่ถูกตัดสินให้ใบแดง จนอาจจนำมาสู่การยุบพรรค ตัว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ พรรคพลังประชาชนก็มีท่าทีเปลี่ยนไป อยากจะกลับมาเร่งแก้ไข รธน.อีก
โดยไม่มองไปถึงอดีตเลย ว่า เมื่อไม่นานมานี้ เคยมีประเด็นความขัดแย้งเรื่อง รธน.จนนำไปสู่ความวุ่นวายใหญ่โต จนปัญหาจบลงด้วยการนำเรื่องเข้าสู่สภา แล้วตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาศึกษาแล้ว แต่เหตุใดตอนนี้รัฐบาลจึงคิดนำเรื่องเก่ากลับมาเป็นปัญหา สร้างชนวนความขัดแย้งขึ้นมาอีก เหมือนการกลืนน้ำลายตัวเอง จุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมาใหม่อีก
ทั้งนี้ ในรายการดังกล่าวได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผู้ดำเนินรายการได้เปิดโอกาสให้ นายจตุพร พูดเป็นระยะเวลานาน แต่กลับให้เวลานายอลงกรณ์ ได้ตอบคำถามเพียงสั้นๆ เมื่อ นายอลงกรณ์ จะตอบคำถามให้ละเอียด ก็อ้างว่า เวลาเหลือน้อยต้องถามคำถามอื่นต่อในทุกเบรกของรายการ จนถึงช่วงเบรกสุดท้ายของรายการ นายอลงกรณ์ ได้แสดงความรู้สึกไม่พอใจ และกล่าวกับผู้ดำเนินรายการว่า ตนเชื่อว่ารายการที่มีลักษณะถามตอบ แล้วเชิญสองฝ่ายมาพูดคุยกัน ผู้ดำเนินรายการควรจะให้เวลาบุคคลทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ตนจะไม่เสียมารยาทลุกออกจากรายการในตอนนี้เพราะมีมารยาทพอ เพียงแต่อยากจะท้วงติงเท่านั้น ว่าในเมื่อเชิญตนมาก็ควรจะเปิดโอกาสให้ตนได้พูดบ้าง ถ้าจะไม่ให้พูดแล้วจะเชิญมาทำไม ผู้ดำเนินรายการจึงกล่าวขอโทษแล้วเปิดโอกาสให้นายอลงกรณ์ได้พูดมากขึ้นในเบรกสุดท้ายของรายการ