“อดีตผู้ว่าฯ หญิง” เผยพะเยาถูกสั่งปิด ASTV แต่สุดท้ายยอมเปิดให้ดูแค่ภาพไม่มีเสียง แฉม็อบเติมเงินพะเยาถูกจ้างหัวละ 300 บาท ก่อกวนกลุ่มพันธมิตรฯ พะเยา ย้ำข้าราชการต้องคงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์สุจริต และคำนึงถึงศักดิ์ศรีเป็นหลัก อย่าตกเป็นทาสของนักการเมือง
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น. นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา อดีต ส.ว. และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และจังหวัดปทุมธานี กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าทำเนียบฯ ว่า ตนเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และได้ข่าวมาว่าที่ผ่านจังหวัดพะเยาได้มีคำสั่งไม่ให้เปิดเอเอสทีวี เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับจังหวัดอื่นๆ และประชาชนได้มีการไปล้อมจวนผู้ว่าฯ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าไม่เปิดเอเอสทีวีก่อนเที่ยง จะรวมตัวกันที่คว้านพะเยา ผลสุดท้ายก็ได้มีการเปิดเอเอสทีวีตามปกติ แต่วันแรกของการเปิดนั้นเป็นใบ้ คือไม่มีเสียงมีแต่ภาพให้ดูเท่านั้น
“เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการว่าจ้างคนใจจังหวัดพะเยา โดยให้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 300 บาทต่อคน ให้ไปก่อกวนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในจังหวัดพระเยา” นางนิพัทธากล่าว
นางนิพัทธา กล่าวต่อว่า มีมาเฟียนักการเมืองคนหนึ่งแต่ไม่ขอเอยนามว่าเป็นใคร มีพฤติกรรมที่ว่าลูกจะเข้าโรงเรียนที่ไหนต้องเข้าให้ได้ แต่ผลปรากDว่าเมื่อมีการสอบเข้าหลักสูตรประจำไม่ได้ จึงต้องไปเรียนหลักสูตรพิเศษแทน แต่ภายหลังได้มาเรียนอยู่หลักสูตรประจำ ซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่ครั้งแรกเรียนอยู่หลักสูตรพิเศษ และไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน แต่เกิดขึ้นที่เมืองนี้
นางนิพัทธา กล่าวต่อว่า การเป็นข้าราชการนั้น ต้องให้บริการประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่ปัจจุบันข้าราชการบางคนถูกซื้อจิตวิญญาณ เป็นการซื้อประชาธิปไตยของประชาชนเข้ามาบริหารบ้านเมือง โดยการใช้เงินซื้อตำแหน่ง ซื้ออำนาจ เพื่อผลประโยชน์ต่างๆ ตนจึงอยากถามว่า จิตวิญญาณ และศักดิ์ศรีของคนเหล่านี้อยู่ที่ไหน กว่าจะมาเป็นข้าราชการได้ถึงวันนี้ยากลำบากแค่ไหน
“อยากจะเตือนว่า เรานั้นเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วทนกันได้อย่างไร ยิ่งในอินทอร์เน็ตมีการจาบจ้วงกันเยอะมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังเฉยกันอยู่”
นางนิพัทธา กล่าวต่อว่า อยากจะฝากถึงข้าราชการทั้งหลายว่า ให้ตื่นได้แล้วออกมาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวที่จะทำสิ่งที่เป็นมงคลในชีวิต ถ้าหากตาย จะได้นอนตายตาหลับ และอยากให้คำนึงถึงเรื่องศักดิ์ศรีไว้ อย่าตกเป็นเครื่องมือให้กับพวกนักการเมือง เนื่องจากพวกเราเป็นข้าราชการประจำ และจงเรียกศักดิ์ศรีของตนเองกลับคืนมา
