พันธมิตรฯ เดินหน้าฟ้องศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน พรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) ระงับมติครม.อัปยศ “ขายอธิปไตย” ปราสาทพระวิหารให้เขมร ยืนยันไม่ปิดประตูเข้า-ออกขวางทำเนียบ เตือนรัฐบาลอย่าสร้างสถานการณ์
วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวหลังเวทีพันธมิตรฯ ระบุว่า วันนี้ได้เดินทางไปตามนัดในคดีศาลปกครองไต่สวนเพิ่มเติมในคดีการใช้เครื่องเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยทางฝ่ายผู้ถูกร้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 มาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งได้ข้อสรุป คือ ศาลได้สั่งจำหน่ายคดีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่มีเหตุดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นอีกแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะออกคำสั่งบรรเทาทุกข์เพราะที่ชุมนุมได้ย้ายมาที่ทำเนียบแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้เครื่องขยายเสียงดังกล่าวอีก ทางเราอาจมีการฟ้องร้องต่อศาลต่อไป นอกจากนี้ ศาลได้แนะนำให้มีการพูดคุยสื่อสารระหว่างกัน หากว่าทางเจ้าหน้าที่ต้องการที่จะสื่อสาร ตนได้ยืนยันว่า ยินดี และพร้อมจะนำข้อความที่เจ้าหน้าที่ต้อการจะสื่อสาร มาประกาศบนเวทีและไม่ขัดข้อง หากเจ้าหน้าที่จะมีใบปลิวหรือแถลงการณ์ชี้แจง ต่อผู้ร่วมชุมนุม โดยอาจจะจัดโต๊ะไว้บริเวณทางเข้าที่ชุมนุม ซึ่งข้อเสนอนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่อาจไม่ได้มีเจตนาเพื่อการสื่อสาร แต่การที่เราร้องต่อศาลในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่มีเจตนายั่วยุมากกว่า
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น.ตนจะเดินทางไปศาลปกครอง เพื่อร้องให้ศาลเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบการลงนามร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยระบุเหตุผลว่า กระบวนการไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่ต้องเปิดให้รัฐสภาร่วมพิจารณาด้วย อีกทั้งยังขัดต่อพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การบริหารราชการแผ่นดิน นอกจากนี้ จะร้องต่อศาลให้มีการใต่สวนฉุกเฉิน โดยเรียกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพื่อระงับผลของการลงนามร่วมที่จะมีขึ้นในต้นเดือนกรกฎาคม นี้ เนื่องจากเป็นผลมาจากการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า การร้องต่อศาลปกครองในครั้งนี้จะมีผู้ร้องร่วม 5 คน ได้แก่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ซึ่งจะเป็นตัวแทนของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ นายนิติพร ล้ำเหลือ นายนคร ชมพูชาติ ซึ่งเป็นทนายความทั้งสองคน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และตนเอง ในฐานะคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ โดยการเดินทางไปครั้งนี้จะมีการจัดขบวนไปส่วนหนึ่งและเชิญชวนผู้ที่จะมาให้กำลังใจพบกันที่ตึกเอ็มไพร์ เวลา 10.00 น.
นายสุริยะใส ยังได้กล่าวย้ำถึงแถลงการฉบับที่ 15/2551 ในเรื่องจุดยืนของพันธมิตรฯ ในการชุมนุม โดยยืนยันว่า พันธมิตรฯ จะไม่มีการปิดตายประตูเข้าออกทำเนียบ หรือบุกปีนเข้าไปในทำเนียบ และยืนยันว่า หากมีการกระทำดังกล่าวจริง ทางรัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะก่อนหน้านี้ มีการสร้างกระแสข่าวมาว่า ทางพันธมิตรฯ จะบุกเข้าไปในทำเนียบ โดยให้เจ้าหน้าที่ในทำเนียบได้เก็บข้าวของ โดยอ้างเหตุว่า กลัวพันธมิตรฯจะบุกเข้าไปเผาทำลายเอกสาร ซึ่งตนเชื่อว่าอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการอภิปรายในสภาในวันนี้ ว่า ทางพันธมิตรฯ มีการประเมินอย่างไรบ้าง นายสุริยะใส กล่าวว่า การอภิปรายของ ส.ว.ในวันนี้ ก็เหมือนสามวาสองศอก และน่าผิดหวัง เพราะว่ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ นายกฯ ก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง รัฐมนตรีเดินเข้าๆ ออกๆ แล้วจะมาอ้างว่าตนเองเชื่อมั่นในระบบสภาได้อย่างไร การตอบคำถามกรณีเขาพระวิหารก็ไม่ได้มีความชัดเจนนายกฯ กลับยืนยันว่า เป็นของเขมรมานานแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ต่อสู้เพื่ออธิปไตยของไทยเลย เชื่อว่า การอภิปรายตามญัตติในวันพรุ่งนี้ก็คงไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายก็ต้องจบตรงที่การโหวต และก็จะพบว่าไม่มีรัฐมนตรีคนใดที่ได้รับมติไม่ไว้วางใจ
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ พันธมิตรฯ จะเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นจุดยืนที่จะยกระดับการต่อสู้ของพันธมิตรฯที่อาจต้องใช้เวลา โดยต้องไปให้พ้นจากการเมืองของเสียงข้างมากการเมืองของตัวแทน และการเมืองของนักการเมือง แต่การออกแบบภาพใหญ่จะต้องพึ่งนักวิชาการ นักกฎหมาย และนักรัฐศาสตร์ ให้มาร่วมกันออกแบบ เพราะขณะนี้การเมืองในรัฐสภา ไม่สามารถแก้ปัญหาของชาติได้แล้ว ตนคิดว่าการเมืองใหม่ดังกล่าวไม่ใช่การรัฐประหาร แต่ต้องร่วมกันหาวิธีการ
นายสุริยะใส ตอบคำถามสุดท้ายเกี่ยวกับปัญหาการจราจรที่อาจส่งผลกระทบถึงการเดินทางของนักเรียน ที่อยู่ใกล้เคียงเวทีการปราศรัยของพันธมิตรฯ ว่า ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้บริหาร แต่ยินดีให้ความร่วามมือเสมอ