“พิภพ” ลั่นการเมืองต้องเปลี่ยน ไล่พวกขี้ฉ้อให้สิ้นอนาคต

“พิภพ” ชี้ถึงเวลาแล้วที่การเมืองไทยต้องเปลี่ยนแปลง โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้แทนฯ พร้อมกับปิดกั้นไม่ให้นักการเมืองขี้ฉ้อได้แจ้งเกิดวนเวียนเป็นสัมภเวสีอีก

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 22.56 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ภาคประชาชนต่อสู้กันมานาน นับตั้งแต่ 14 ตุลา เราต่อสู้ให้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ได้รัฐธรมนูญกลับคืนมา แล้วหลังจากต่อสู้เสร็จเราไม่เคยสนใจเลยว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไรขอให้มีประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ ได้สิทธิเสรีภาพ หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าบ้านปล่อยให้การเมืองดำเนินต่อไป แต่การเมืองไม่ดีขึ้นเลย

นายพิภพ กล่าวต่อว่า จนมาถึง พฤษภา 35 เราสนใจรัฐธรรมนูญเพียง 4-5 มาตรา ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนบ้านเมืองให้ดีขึ้นได้ จนเกิดรัฐธรรมนูญ2540 ซึ่งเป็นการเมืองแบบประชาธิปไตยมีส่วนร่วม เราก็หวังว่าการเมืองจะดีขึ้นเพราะมีองค์กรอิสระเกิดขึ้นมากมาย แต่โชคร้ายของประเทศไทย เรากลับได้ซาตานที่ชื่อทักษิณมา

“ซาตานตัวนี้ฉีกรัฐธรรมนูญเป็นชิ้นๆ แทรกแซงองค์กรอิสระหมด จนกระทั่งองค์กรอิสระไม่สามารถตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง และการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของนักการเมืองที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า เขาฉีกรัฐธรรมนูญในตลอด 4 ปีที่เป็นนายกฯ พอขึ้นสมัยที่ 2 เขาได้มา 19ล้านเสียง เริ่มท้าทายว่าได้เสียงตั้ง 19 ล้านเสียงเป็นรัฐบาลพรรคเดียว แต่สุดท้ายก็ออกกฎหมายเอื้อผลประโยชน์ ขายดาวเทียมให้เทมาเส็ก สิงคโปร์ เราจึงได้ขับไล่ จนกระทั้งเป็นจุดจบของรัฐบาลไทยรักไทย วันนี้ได้รัฐธรรมนูญ50 ที่พัฒนามาจากปี40 แต่เมื่อเปิดการเลือกตั้งการเมืองก็ยังเป็นแบบเดิม พรรคพลังประชาชนยังท้าทายว่าตัวเองเป็นนอมินีของไทยรักไทย นายสมัครยังท้าทายว่าตัวเองเป็นนอมินีของทักษิณมีอะไรหรือเปล่า วันนี้เราจึงต้องมาขับไล่ ไม่เพียงคุณสมัครเท่านั้น ขับไล่พรรคพลังประชาชนด้วย

นายพิภพ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เพียงแค่ขับไล่อย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว เราต้องการเปลี่ยนการเมืองใหม่ด้วย เอาบทเรียนครั้งเก่าๆ 14ตุลาฯ พฤษา35มา ดูว่าการที่เราแก้รัฐธรรมนูญเพียงเล็กน้อย หรือไม่สนใจ ปล่อยให้คนกลุ่มเล็กๆเขียนขึ้นมาก็ทำให้การเมืองเป็นแบบเดิม

นายพิภพ กล่าวว่า วันนี้นักการเมืองเหิมเกริมถึงขั้นจะไปรับรองเขาพระวิหาร การไปรับรองยอมรับว่าเขมรสามารถที่จะเสนอยูเนสโกได้ การรับรองแบบนี้ ตั้งแต่เราถูกศาลโลกพิพากษา พ.ศ.2505 รัฐบาลไทยไม่เคยออกใบรับรองใดๆทั้งสิ้นบนเขาพระวิหาร เพราะเราสงวน ถือว่าปราสาทพระวิหารนั้นยังยเป็นของเราอยู่ เพราะคำพิพากษายังมีข้อโต้แย้งได้ และไม่ได้ตัดสินเป็นเบ็ดเสร็จเด็กขาด ฉะนั้นการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ที่มีมติรับรองเขมรนั้นเป็นการกระทำที่ต่ำช้าเลวทรามและขายชาติ

“ถ้าเราไปรับรองการขอเป็นมรดกของรัฐบาลฮุนเซน จะเป็นการรับรองกลายๆ และจะทำให้ตัดสิทธิโต้แย้งเรื่องเขาพระวิหารในอนาคตว่ายังเป็นของเราอยู่ ฉะนั้น รัฐบาลสมัครและ ครม.ต้องรับผิดชอบเราไม่สามารถเรียกดินแดนคืนกลับมาได้อีก” นายพิภพ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ฉะนั้นการเมืองที่เราต่อสู้กันมาถึงวันนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพียงแต่เปลี่ยนแปลงรัฐบาลสมัคร และพรรคพลังประชาชน เพราะนักการเมืองเลวๆ ยังอยู่ พวกนี้ก็จะกลับไปเลือกตั้งอีก ไปซื้อสิทธิขายเสียงอีก การเมืองก็จะกลับมาอย่างเก่า ฉะนั้นวันนี้เราจะต้องไปถึงที่สุด ไม่ใช่แค่เอารัฐบาลสมัครลง พรรคพลังประชาชนไม่เป็นรัฐบาล 5พรรคร่วมก็จะต้องไม่เป็นด้วย

นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนที่เข้ามาเป็นตัวแทน มาจากทุกกลุ่มอาชีพ และไม่ใช่เป็นนัการเมืองหน้าเดิมๆ ที่ทุจริตคอร์รัปชัน การเมืองก็จะไม่เปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ทั้งระบบ ต้องเปลี่ยนระบบผู้แทนให้มาจากทุกสาขาอาชีพ และไม่เปิดโอกาสให้นักการเมืองขี้ฉ้อกลับมาได้อีก