“สนธิ” จวกพิธีกรฟรีทีวีขาดความเป็นมืออาชีพ รับใช้ระบอบทักษิณ

“สนธิ ลิ้มทองกุล” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ตอกย้ำจิตวิญญาณสื่อมวลชนไทย ลั่นทนไม่ได้พิธีกรทาสแม้วเสนอหน้าวิจารณ์พันธมิตรฯ ทั้งที่ไม่รู้จริง พร้อมซูฮก 3 ผู้ประกาศข่าวเอเอสทีวี ทำงานไม่เป็นสองรองใคร แนะสื่อเมืองไทยเป็นตะเกียงนำทาง อย่าเป็นแค่ตัวบ่อนทำลาย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 00.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีชั่วคราวบริเวณสามแยกสนามม้านางเลิ้ง (ราชตฤณมัยสมาคมฯ) ระบุถึงบทบาทพิธีกรของ “ต๊ะ” น.ส.นารากร ติยายน ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้ร่วมรายการใส่เสื้อเหลืองออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ว่า เรามีสื่อแบบนารากรมากเกินไป ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับพิธีกรของเอเอสทีวี เช่น “แอน” นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ทิ้งงานที่ช่อง 3 แล้วเดินมาสู่ห้องทำงานเล็กๆ ของเอเอสทีวี จนมีโอกาสแสดงออกทางความคิด ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาสู่พิธีกรแนวหน้าได้อย่างสมความภาคภูมิ

นอกจากนี้ ยังมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ที่ถูกบีบออกจากไอทีวี ด้วยเหตุที่ไม่ชอบทำตามที่เจ้าของสั่ง แต่พอมาร่วมงานกับเอเอสทีวี นานไปเริ่มกลายพันธุ์มาร่วมใส่เสื้อสีเหลือง ไม่ใช่เพราะผิดเพี้ยน แต่เป็นเพราะกล้าแสดงออก หลังจากต้องทนอยู่กับสื่อที่ไม่เป็นกลางมานาน ส่วน “แอ้ม” นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ นั้นอดีตทำงานเป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่สิงคโปร์ แรกๆ กลัว ไม่เคยเจอรายการที่ผู้สนทนาพูดจาอย่างตรงไปตรงมา แต่ตอนหลังเริ่มพัฒนามีความรู้ กล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง

ที่กล่าวมาทั้งหมด นายสนธิต้องการแสดงให้เห็นถึงความกล้าของพิธีกรเอเอสทีวี ไม่ใช่พูดอย่างคนไร้สติไร้ปัญญาอย่างที่ น.ส.นารากร ทำอยู่ เพราะหากมีปัญญาสักนิด ก่อนวิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรฯ จะต้องมาดูว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ทั้งการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดโปงพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง พวกขายแผ่นดินเขาพระวิหาร ความถ่อยของ ส.ส.การโกงภาษีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถามว่านางสาวนรากร มีจุดยืนพร้อมทั้งคิดอย่างไรกับคนพวกนี้

“คนพวกนี้จะว่าแต่ทักทายเลย แค่เดินผ่านยังรังเกียจแล้ว ทำตัวน่าเกลียด ชอบปั้นหน้าสวยอยู่หน้าจอ แต่สมองไม่มีเหลือ ลองนำเอาพิธีกรเอเอสทีวีไปวัดกันตัวต่อคัว เชื่อว่ากินขาดหมด ผมภูมิใจในคนของเอเอสทีวี เพราะเป็นคนของประชาชน กินเงินเดือนของประชาชน ไม่ได้มาด้วยความเท็จ ที่ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะฟรีทีวีกำลังยัดเยียดละครน้ำเน่า ปล่อยพิธีกรหนุ่มสาวออกอาการไม่เหมาะสมไปวันๆ คนพวกนี้หากเป็นลูกสาว ผมขายทิ้งไปหมดแล้ว มิหนำซ้ำยังจะแถมเงินให้อีกด้วย”นายสนธิ กล่าว

จากนั้น นายสนธิได้เปิดโปงพฤติกรรมของผู้บริหารสื่อมวลชนบางสำนักที่ชอบทำตัวสนิทสนมหากินกับนักการเมือง เมื่อนักข่าวในสังกัดเขียนเชียร์ก็แอบเอาเงินให้ ขึ้นเงินเดือนให้ ทำตัวเป็นแม่กิมฮวยเข้าทุกวัน มันเป็นอย่างนี้จริงๆ และยิ่งน่าประหลาดที่ฟรีทีวีมีคนดูมากที่สุด จะไม่ใช่ช่องที่ดีที่สุด กลับกันเป็นช่องที่มอมเมาประชาชนมากที่สุด วันนี้ปัญหาของชาติ คือ ปัญหาของโทรทัศน์เมืองไทย เจ้าของไม่มีจิตวิญญาณสื่อมวลชน อะไรทำเงินไม่ได้ไม่เอา สื่อพวกหนี้เป็นได้แค่ตัวบ่อนทำลายเท่านั้น

นายสนธิ กล่าวย้ำในช่วงท้ายอีกว่า สื่อมวลชนคือกระจกส่องตัวเอง โดยเฉพาะในสังคมที่มืดมิดอย่างสังคมไทย สื่อต้องเป็นตะเกียง เป็นแสงสว่างส่องทางให้เดิน นั่นคือสิ่งที่เอเอสทีวีกำลังเป็นและทำอยู่ในวันนี้ นี่คือบทบาที่แท้จริงของสื่อมวลชน ลองคิดดูหากเอเอสทีวีได้ออกอากาศแบบเดียวกับช่องฟรีทีวี ปัญหาของชาติที่วุ่นวายอย่างนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ สิ่งที่เราได้ดูได้เห็นเราใช้ปัญญาวิเคราะห์ กล้านำเสนอข่าวเพื่อความถูกต้อง