“พิภพ” ชี้หากประธาน กกต.รับฟังเสียงประชาชน ตั้งกรรมการอิสระรื้อคดีเลือกตั้งกว่า 700 คดี การเมืองพลิกแน่! เชื่อหาก กกต.สามารถดูแลการเมืองให้โปร่งใสสุจริตได้ ทิศทางการเมืองไทยจะเปลี่ยน นักการเมืองจะหน้าบางไม่กล้าโกงกิน เนื่องจากมีจริยธรรมค้ำคอ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 21.54 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า วันนี้เรา กกต.ไปมีความหมายมาก นอกจากบอกว่า กกต.ไม่ทำงานในการคัดเลือก ส.ส.ที่ซื้อสิทธิขายเสียงมาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รัฐบาลพรรคพลังปรชาชนได้เป็นรัฐบาลเพราะเสียงจากการซื้อเสียง ฉะนั้น ความหมายที่บอกว่ารัฐบาลพปช.ไม่มีความชอบธรรมก็อยู่ที่วันนี้ ถ้าประธาน กกต.เห็นด้วยกับพี่น้องแล้วรับว่าจะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นตรวจสอบสำนวนทั้ง 700 กว่าสำนวน เชื่อว่าการเมืองพลิกแน่ๆ
นายพิภพ กล่าวว่า เราอนาถใจกับการเมืองของเรา คือนักการเมืองไม่มีจริยธรรม ภาษาชาวบ้าน คือ หน้าด้าน ทำผิดหรือกระทรวงที่ตัวเองรับผิดชอบเกิดความผิดพลาด พูดจาโกหกพกลมได้ตลอดเวลา ดูตัวอย่าง รมว.มหาดไทย นายกฯ มีที่ไหนเขาทำแบบนี้กันบ้าง ในประเทศอังกฤษ ยุโรป สหรัฐฯ เคยคุยกับระดับตำรวจในนิวยอร์กเป็นคนไทย เขาบอกว่าความสำคัญของคนฝรั่งอยู่ที่โกหกไม่ได้ ทำผิดอย่างอื่นพออภัยให้ได้ แต่ถ้าโกหกต้องออกทันที แต่นักการเมืองบ้านเราไม่เคยออก โกหกอยู่ตลอดเวลา
นายพิภพ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ได้อีกประการในวันนี้คือ ถ้าเราทำให้ กกต.สามารถดูแลการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ปราศจากซื้อสิทธิขายเสียงอย่างเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ การทุจริตคอร์รัปชันจะหมดไปทันที เพราะเขาไม่จำเป็นต้องถอนทุน และจริยธรรมทางการเมืองจะเกิดทันที เพราะถ้าเขาได้รับเลือกมาอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อทำผิดทางการเมือง ไม่ต้องรอเช็กบิล เขาจะเกิดความละอายเมื่อมีการกระทำผิด หรือเปิดโปงความประพฤติของเขาในทางที่ไม่ถูกต้องทางจริยธรรม เขาจะลาออก เหมือน ส.ส.ในต่างประเทศทันที
“ฉะนั้น เราทำมากกว่าการเอาทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราทำมากกว่าการที่จะให้สมัครลาออก เราทำมากกว่าที่จะให้พรรคพลังประชาชนหมดสภาพการเป็นรัฐบาล สิ่งที่เราทำก็คือการสร้างมิติทางการเมืองใหม่ในอนาคต สิ่งที่พี่น้องทำวันนี้มันยิ่งใหญ่มาก” นายพิภพ กล่าว
นอกจากนั้น นายพิภพยังกล่าวย้ำด้วยว่าเรื่องอารยะขัดขืน ทำให้เราที่เป็นประชาชนธรรมดาที่ไม่รู้สึกว่ามีอำนาจทางการเมืองมีความหมายทางการเมืองมากขึ้นทันที การสร้างอารยะขัดขืนทำให้ข้าราชการที่ดีที่อยู่ในวันนี้รู้ว่าตัวเองจะแสดงอารยะขัดขืนต่อคำสั่งของรัฐบาลที่ไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรมและผิดกฎหมาย
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ความหมายสองตัวนี้ต่อเรื่องนี้ในเรื่องอารยะขัดขืนและจริยธรรมทางการเมือง ในอนาคตเราก็ไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้ นักการเมืองก็จะไม่ทุจริตคอรับชั่น แล้วเราจะได้นักการเมืองหน้าบาง ถ้าทำผิดทางจริยธรรมต้องลาออกทันที นี่คือทิศทางทางการเมืองที่ถูกต้อง นอกจากเอาทักษิณติดคุก แล้วเรายังจะสร้างมิติการเมืองใหม่ และเราจะต้องเป็นนิติรัฐ คือกฎหมายเป็นใหญ่