xs
xsm
sm
md
lg

“เจิมศักดิ์” อัดนักวิชาการหน่อมแน้มบีบ “จรัส” พ้นเก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
“เจิมศักดิ์” อัดนักวิชาการประเภท “หน่อมแน้ม” ไม่รู้ร้อนรู้หนาวยก “ความเป็นกลาง” แบบผิดๆ มากดดันให้ “จรัส สุวรรณมาลา” พ้นจากคณบดีรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เตือนความเป็นอาจารย์ต้องให้ความรู้สังคม เหมือนกับสื่อต้องเป็นตะเกียงส่องนำทางสังคม ขณะเดียวกัน รู้ทัน “หมัก” จัดรายการส่งเสริมกินกระเทียมแค่ตบตาหนีผิดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “รู้ทันประเทศไทย” 

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ ในช่วง “รู้ทันประเทศไทย” ดำเนินรายการโดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้กล่าวถึงความเป็นกลางของนักวิชาการที่นำมาเป็ประเด็นกดดันให้นายจรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความรู้แก่ประชาชน โดยนายเจิมศักดิ์ได้กล่าวว่า กรณีของนายจรัสนั้นถือว่าเคยเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 และยังเป็นรองประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญด้วย จึงจำเป็นต้องออกมาชี้ให้เห็นถึงข้อดีของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และชี้ให้เห็นว่าหากมีการแก้ไขเพื่อคนบางคนแล้วบ้านเมืองจะล่มจมอย่างไร

นายเจิมศักดิ์ กล่าวถึงทัศนะความเป็นกลางของคนบางกลุ่มว่า ความเป็นกลางคือความไม่รับรู้แบบหน่อมแน้ม เหมือนสวะในแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วแต่ว่าน้ำจะพัดพาไปทางไหน แต่แท้ที่จริงแล้วคนพวกนี้ไม่ได้เป็นกลาง คนพวกนี้ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนอีกประเภทคือพวกที่มองหาจุดอ่อนของคนสองฝ่ายแล้วถีบตัวเองขึ้นมา และประเภทที่สาม คือพวกที่หาค่าเฉลี่ยแล้วหารสองคือพวกที่อยู่ตรงกลางเหมือนกินเหล้าวันละสองขวดไม่ดี ดังนั้นก็ให้ดื่มแค่ขวดเดียวก็พอ

นายเจิมศักดิ์ ชี้ให้เห็นว่า ความเป็นกลางที่ถูกต้อง คือ เดินสายกลางในพระพุทธศาสนา ที่ต้องใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบ เป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรือพวกพ้องอย่างมีอคติ จากนั้นก็ตัดสินใจว่าสิ่งไหนถูกต้อง หรือสิ่งไหนผิดแล้วเลือกข้าง จะหารสองไม่ได้

“ถ้าพูดไปแล้วฝ่ายที่นิยมทักษิณ ยังดีกว่าพวกหน่อมแน้มแบบนี้เสียอีก” นายเจิมศักดิ์ ระบุ พร้อมทั้งยกตัวอย่างประชาธิปไตยในทัศนะของพระพุทธทาสภิกขุว่า ต้องไม่เห็นแก่ตัว และต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ เสียงข้างมากถ้าบ้าๆ บอๆ ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย

นายเจิมศักดิ์ ย้ำว่า นายจรัสเป็นคนดี น่าสรรเสริญ เป็นคนกล้ายืนข้างความถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ ก็มาเล่าให้ฟังว่าถ้ามีการแก้ไขบ้านเมืองก็จะล่มจมอย่างไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างคุณสมบัติของอาจารย์ว่ามี 4 อย่าง คือ นอกจากสอนลูกศิษย์แล้ว ยังต้องค้นคว้าหาความรู้จากสังคมไม่ใช่จำฝรั่งมาสอนอย่างเดียว ต้องให้ความรู้กับประชาชนและสังคม รวมทั้งต้องอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทย

นอกจากนี้ นายเจิมศักดิ์ยังได้วิจารณ์บทบาทของสื่อบางประเภทที่ชอบอ้างในเรื่องของความเป็นกลางว่า สื่อนอกจาต้องเป็นกระจกส่องสะท้อนความจริงเช่น ใครพูดอะไร เกิดเหตุอะไรตามความเป็นจริง แต่ขณะเดียวกัน สื่อยังต้องเป็นตะเกียงนำทางความถูกต้องเป็นแสงสว่างทางปัญญา ไม่ต่างกับนักวิชาการ และสื่อก็ต้องบอกว่านี่เป็นความคิดเห็นของตัวเอง ไม่ใช่โมเมเอา ส่วนการเสนอข่าวแบบไปมาคนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีแบบนี้เหมือนกับการตอบโต้แบบปิงปองแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ และยิ่งสื่อเอาใจผู้มีอำนาจถือว่าเป็นกรรมของประเทศไทย

นายเจิมศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงการจัดรายการชิมไปบ่นไปของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ห้ามไม่ให้ผลประโยชน์ขัดกัน พร้อมยกตัวอย่างการเป็นพิธีกรรายการดังกล่าวก็ถือว่าใช้ตำแหน่งนายกฯดำเนินรายการ มีการหาโฆษณา พร้อมย้อนอดีตตั้งแต่นายสมัครจัดรายการชิมไปบ่นไปตั้งแต่ช่อง 5 มาจนถึงช่องไอทีวี

นายเจิมศักดิ์ ยังตั้งข้อสังเกตการจัดรายการสนทนาประสาสมัคร เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่มีการทำรายการอาหาร โดยอ้างว่าเป็นการส่งเสริมการบริโภคกระเทียม แต่แท้จริงแล้วน่าจะเป็นการเตรียมการแก้เกมทางกฎหมายหลังจากมี ส.ว.ท่านหนึ่งไปร้องเรียนกับศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งในเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน

นายเจิมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการข่มขู่ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ไม่ให้เคเบิลท้องถิ่นถ่ายทอดสัญญาณเอเอสทีวี ดดยได้ข่มขู่ว่าจะถูกดำเนินคดีอาญาหรือต้องติดคุกหากมีการถ่ายทอดสดการปราศรัยของพันธมิตรฯ ดดยยกตัวอย่างกรณีที่ตนเองเคยจัดรายการถ่ายทอดสดมาก่อนหลายปี ซึ่งตอนแรกเกิดความรู้สึกกลัวเหมือนกัน แต่เมื่อได้ปรึกษากับนักกฎหมายชั้นนำก็ได้ย้ำว่าไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องแบบนี้ เพราะการถ่ายทอดสดเราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าเขาจะพูดอย่างไร แต่คนพูดต้องรับผิดชอบเองหากมีการฟ้องร้องขึ้นมา

นายเจิมศักดิ์ ยังได้ยกตัวอย่างกรณีของ นายสมัครที่ถกศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญากรณีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งสาเหตุหนึ่งศาลจำคุก เนื่องจากนายสมัครได้หมิ่นประมาทซ้ำซาก ดังนั้น น่าจะไปเตือน ร.ต.อ.เฉลิม มากกว่ากรณีที่ยังให้นายสมัครจัดรายการสนทนาประสาสมัคร ทุกวันอาทิตย์นั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น