“พล.ต.จำลอง” ลั่น เป็นหนี้แผ่นดินมาทั้งชีวิต ตั้งแต่เรียนโรงเรียนหลวงจนกินเงินเดือนหลวง มาวันนี้ขอทำหน้าที่เพื่อใช้หนี้แผ่นดินบ้าง ชี้ ชัยภูมิสะพานมัฆวานฯดีกว่าหน้าทำเนียบฯ ขอปักหลักสู้จนถึงที่สุด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
เมื่อเวลา 22.00 น. การอภิปรายบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บนสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยิ่งดึกยิ่งเข้มข้นขึ้นตามลำดับ กลุ่มผู้นำแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คนได้ขึ้นเวที โดยมีพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นคนแรกที่อภิปราย
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวถึงผลสรุปการประชุมของแกนนำพันธมิตรฯ ในวันนี้มีมติออกมาว่าจะปักหลักต่อสู้อยู่บนสะพานมัฆวานฯ ต่อไป แม้ว่าอาจจะต้องเผชิญกับการก่อกวนสารพัดวิธีที่อาจจะถึงอันตรายต่อชีวิต ท่ามกลางคำยืนยันกึกก้องจากประชาชนที่มาร่วมชุมนุมว่าพร้อมจะปักหลักสู้ต่อไปไม่ถอย
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ต้องมาปักหลักบนสะพานมัฆวานฯ แทนที่จะเดินหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากถูกกองกำลังตำรวจสกัดกั้นเอาไว้ไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปถึงทำเนียบรัฐบาลได้ตามที่ประกาศเอาไว้ แต่ พล.ต.จำลอง บอกว่า ชัยภูมิที่สะพานมัฆวานฯ นั้นดีกว่าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถึงวันนี้ตำรวจการปักหลักชุมนุมที่นี่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นั้นมีประชาชนมาร่วมมากขึ้นทุกวัน ซึ่งสร้างความปวดหัวให้แก่รัฐบาลและตำรวจเป็นอันมาก
“เมื่อ 50 กว่าปีก่อน ตอนผมเรียนนักเรียนนายร้อยอยู่นานถึง 5 ปี ผมต้องเดินแถวอยู่บนถนนนี้ทั้งเช้าและเย็น ดังนั้น พวกตำรวจไม่รู้หรอกว่าผมรู้จักถนนนี้เป็นอย่างดี ผมจึงว่าสะพานมัฆวานฯ นั้นเป็นทำเลที่ดีกว่าทำเนียบรัฐบาลมาก”
และในปี 2535 เมื่อ พล.ต.จำลองนำประชาชนประท้วงรัฐบาลทหาร ก็ได้ยึดสะพานผ่านฟ้าฯ เป็นชัยภูมิในการต่อสู้กับกำลังเผด็จการของทหาร และในที่สุดเมื่อทหารจับด้ามปืนเพื่อสลายพลังประชาชนในวันนั้นประชาชนก็ได้รับชัยชนะในที่สุด ดังนั้น พล.ต.จำลองจึงสรุปว่าการชุมนุมครั้งนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องได้รับชัยชนะเช่นครั้งก่อนเหมือนกัน
ก่อนจบการอภิปราย พล.ต.จำลอง ได้กล่าวต่อประชาชนผู้มาชุมุนมว่า “เรามาวันนี้เพื่อมาใช้หนี้แผ่นดิน ผมเป็นหนี้แผ่นดินมาก เพราะตั้งแต่เรียนหนังสือมาผมเรียนโรงเรียนหลวงมาตลอด ไปเรียนเมืองนอกก็ได้ทุนหลวงแถมยังได้รับเงินเดือนหลวงอีก ผมจึงเป็นหนี้แผ่นดินมากเหลือเกิน แล้ววันนี้พวกเรามาชุมนุมกันเพื่อทำหน้าที่ของเราเพื่อแทนคุณแผ่นดินด้วย”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
เมื่อเวลา 22.00 น. การอภิปรายบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บนสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยิ่งดึกยิ่งเข้มข้นขึ้นตามลำดับ กลุ่มผู้นำแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คนได้ขึ้นเวที โดยมีพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นคนแรกที่อภิปราย
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวถึงผลสรุปการประชุมของแกนนำพันธมิตรฯ ในวันนี้มีมติออกมาว่าจะปักหลักต่อสู้อยู่บนสะพานมัฆวานฯ ต่อไป แม้ว่าอาจจะต้องเผชิญกับการก่อกวนสารพัดวิธีที่อาจจะถึงอันตรายต่อชีวิต ท่ามกลางคำยืนยันกึกก้องจากประชาชนที่มาร่วมชุมนุมว่าพร้อมจะปักหลักสู้ต่อไปไม่ถอย
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ต้องมาปักหลักบนสะพานมัฆวานฯ แทนที่จะเดินหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากถูกกองกำลังตำรวจสกัดกั้นเอาไว้ไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปถึงทำเนียบรัฐบาลได้ตามที่ประกาศเอาไว้ แต่ พล.ต.จำลอง บอกว่า ชัยภูมิที่สะพานมัฆวานฯ นั้นดีกว่าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถึงวันนี้ตำรวจการปักหลักชุมนุมที่นี่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นั้นมีประชาชนมาร่วมมากขึ้นทุกวัน ซึ่งสร้างความปวดหัวให้แก่รัฐบาลและตำรวจเป็นอันมาก
“เมื่อ 50 กว่าปีก่อน ตอนผมเรียนนักเรียนนายร้อยอยู่นานถึง 5 ปี ผมต้องเดินแถวอยู่บนถนนนี้ทั้งเช้าและเย็น ดังนั้น พวกตำรวจไม่รู้หรอกว่าผมรู้จักถนนนี้เป็นอย่างดี ผมจึงว่าสะพานมัฆวานฯ นั้นเป็นทำเลที่ดีกว่าทำเนียบรัฐบาลมาก”
และในปี 2535 เมื่อ พล.ต.จำลองนำประชาชนประท้วงรัฐบาลทหาร ก็ได้ยึดสะพานผ่านฟ้าฯ เป็นชัยภูมิในการต่อสู้กับกำลังเผด็จการของทหาร และในที่สุดเมื่อทหารจับด้ามปืนเพื่อสลายพลังประชาชนในวันนั้นประชาชนก็ได้รับชัยชนะในที่สุด ดังนั้น พล.ต.จำลองจึงสรุปว่าการชุมนุมครั้งนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องได้รับชัยชนะเช่นครั้งก่อนเหมือนกัน
ก่อนจบการอภิปราย พล.ต.จำลอง ได้กล่าวต่อประชาชนผู้มาชุมุนมว่า “เรามาวันนี้เพื่อมาใช้หนี้แผ่นดิน ผมเป็นหนี้แผ่นดินมาก เพราะตั้งแต่เรียนหนังสือมาผมเรียนโรงเรียนหลวงมาตลอด ไปเรียนเมืองนอกก็ได้ทุนหลวงแถมยังได้รับเงินเดือนหลวงอีก ผมจึงเป็นหนี้แผ่นดินมากเหลือเกิน แล้ววันนี้พวกเรามาชุมนุมกันเพื่อทำหน้าที่ของเราเพื่อแทนคุณแผ่นดินด้วย”
