“อดีต ส.ว.สกลนคร” เรียกร้องตำรวจสำนึกในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อย่ามัวแต่ฟังคำสั่ง “นาย” ที่ให้ยืนเฉยๆ ดูประชาชนทำร้ายกันเอง จวก “หมัก” อย่าคิดแต่ผลาญงบ 2 พันล้านชุ่ยๆ อ้างเพื่อทำประชามติตัดรำคาญ ไล่ส่งหากคิดไม่ได้ก็ลงจากเวทีไปซะ
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 00.39 น. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว.สกลนคร ขึ้นเวทีปราศรัยชั่วคราวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยได้เล่าถึงเหตุการณ์ขณะที่ม็อบถ่อยบุกทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณท้ายขบวนจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย รวมทั้งนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการของเอเอสทีวีด้วย
นางมาลีรัตน์ กล่าวว่า อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า วันนี้เรายังเป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าท่านเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเหมือนเมื่อวันที่ 6 ตุลา วันนั้นท่านย่อมไม่มีวิญญาณเป็นคนไทย เตือนกันไว้ก่อน บอกกันไว้ก่อน ยุติเถอะ รับใช้ไปทำไม
“เพื่อน ส.ว.ที่เป็นคุณหมอคนหนึ่งที่ไม่เคยมาร่วมเวทีกับเรา แต่ไม่ใช่คุณหมอมาลินี ได้มอบเงินให้กับดิฉัน เป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เราเองไม่มีรายได้อื่น และฝากบอกว่า วันนี้เราซื้อน้ำมันแพงจากซาอุฯ ถ้าคุณทักษิณยังวนเวียนอยู่ในไทยอยู่อย่างนี้ โดยไม่เข้าคุก เราจะได้ซื้อข้าวแพงจากซาอุฯ
ประชาชนชาวไทยไม่ว่าจะหมู่ใด ไม่ว่าชาวนา หรือเกษตรกร วันนี้ชาวนาดิฉันเชื่อว่า ชาวนาภาคอีสานถ้าเขาเข้าใจว่าทักษิณจะเอาอะไร จะทำอะไร เขาจะลุกขึ้นมาสู้แน่ เห็นไหมว่าพอคนท้วงมากๆ ก็บอกว่าไม่ใช่เข้าใจผิด เข้าใจผิดประสาอะไร จะให้คนซาอุฯมาเช่าที่ทำนาแล้วส่งข้าวกลับไปขายซาอุฯ แล้วข้าวในประเทศไทย คนไทยก็ต้องซื้อราคาแพง” นางมาลีรัตน์ กล่าว
นางมาลีรัตน์ ยังได้วิเคราะห์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบมาพากลในหลายมาตราด้วยว่า ในมาตรา 259 ของรัฐธรรมนูญปี 50 นั้น ระบุไว้ว่าจะต้องแจ้งบัญชีหนี้สินทรัพย์สินที่ซุกด้วย และมาตรา 261 ส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี ต้องเปิดเผยทรัพย์สินให้ประชาชนรู้ ประชาชนสามารถกดดูได้เลยว่าส.ส.บ้านท่านแจ้งบ้านกี่หลัง รถกี่คัน แจ้งทรัพย์สินไปเท่าไหร่
นางมาลีรัตน์ กล่าวต่อว่า อยากพูดถึงหัวใจของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่วันหนึ่งนายกฯ คนนี้ประกาศว่า 3 เดือนก่อนครบวาระจึงจะแก้รัฐธรรมนูญ ผ่านมาพอนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา โดนใบแดง เขาก็ประกาศว่าจะแก้มาตรา 237 ที่เขากล่าวอ้างว่าหากยุบพรรคการเมืองแล้วจะเสียประโยชน์
“ถามว่ายุบพรรคใครเสียประโยชน์ ดิฉันเป็นคนหนึ่งเหมือนคุณสมบูรณ์ที่มาพูดกับพวกเราก่อนหน้านี้ คือ เป็นกรรมการบริหารพรรคที่จะถูกยุบด้วย ดิฉันถามว่าก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง คนเหล่านี้รู้ไหมว่ามาตรา 237 เขียนไว้แบบนี้ เมื่อรู้แล้วจะไปลงทำบ้าอะไร รู้แล้วพอตัวเองมาโดนใบแดงปั๊บ ก็จะแก้เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนยุบพรรค ยุบพรรคมันทำประชาชนเดือดร้อนตรงไหน ไม่มีเลย ประชาชนได้ประโยชน์ด้วยซ้ำไป ทำให้นักการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้งได้ตำแหน่งมาเลยมิชอบ ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไป”
นางมาลีรัตน์ กล่าวต่อว่า อีกมาตราคือ มาตรา 309 ที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากแก้ไขกันนัก เพราะหากยังมีมาตรานี้อยู่ คูณทักษิณ ติดคุกแน่ เขาถึงยอมไม่ได้ ถ้าปล่อยให้มีการดำเนินคดีไปเรื่อยๆ จำจะต้องยกเลิกมาตรา 14, 15 ที่ระบุชัดว่าระเบียบคำสั่งของ คมช.ใช้ไม่ได้ทั้งหมด และรัฐบาลนี้ก็ไม่ควรอยู่ เพราะรัฐบาลนี้ก็ได้มาจากคำสั่ง คมช.
“อดีต ส.ส.สกลนคร กล่าวว่า กำลังที่อยู่ข้างหลังเรานี่ล่ะ ไม่รู้ว่าหัวใจของท่านทำด้วยอะไร ดิฉันเป็นลูกตำรวจเก่า แต่เป็นตำรวจที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง ดิฉันภูมิใจกับวันที่ 13 ตุลาฯ อยากจะขอให้ตำรวจทั้งหลายตระหนักถึงคำว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คือพิทักษ์สันติให้กับราษฎร ปกปักษ์รักษาชีวิตของราษฎร อยากจะบอกว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กลับไปร้องเพลงของตัวเอง แล้วตระหนักในเพลงทุกๆหยด ดิฉันเป็นแค่ลูกตำรวจยังภูมิใจในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของพ่อ
ฉะนั้น วันนี้เลิกเถอะ อย่ารอคำสั่ง ท่านทราบไหมว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้คนตีเรา ตำรวจชั้นผู้น้อยบอกว่า พี่ครับ ถ้านายไม่สั่งทำอะไรไม่ได้ นายสั่งว่าอะไรจะเกิดเขาจะตีกันเอ็งก็ยืนอยู่เฉยๆ มันไม่ได้มาจากตำรวจชั้นผู้น้อยเหล่านี้ มาจากนาย ด่าให้ถูกตัว แต่พวกนี้จะต้องดูแลเรา ปรบมือให้เขาหน่อย นายสูงสุดคือใคร นายกฯ” นางมาลีรัตน์ กล่าว
นางมาลีรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ฉะนั้นวันนี้หากจะทำประชามติ 2 พันล้านบาท สู้เอาเงินไปให้ชาวนาแก้ปัญหาหนี้สิน เอาไปให้ข้าราชการต่างๆ แก้ปัญหาหนี้สินดีกว่าไหม เพราะฉะนั้นประชามติ 2 พันล้าน ถ้าทำเพื่อตัดความรำคาญ ใช้เงินภาษีเรา ขอเรียนนายกฯคนนี้อย่างตรงไปตรงมาว่าถึงเวลาแล้วลงจากเวทีเถอะ