ปชป.ยกระดับการต่อต้านร่าง รธน. ตั้ง “สุเทพ-บัญญัติ” เป็นประธานยุทธศาสตร์ จี้ “หมัก” ทุ่มงบ 2 พันล้าน เอาสมบัติชาติคืนดีกว่าการทำประชามติ แนะหากต้องการสร้างความสมานฉันท์ ควรถอนร่าง รธน.-หยุดจาบจ้วงเบื้องสูง
วันนี้ (25 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ยกระดับการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ให้เป็นเรื่องหลัก เทียบเท่ากับการคว่ำบาตรการเลือกตั้ง พ.ศ.2549 และต่อสู้คดียุบพรรค โดยพรรคมีมติตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน และตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูลร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนพรรค เป็นประธาน และ ส.ส.ของพรรคทั้ง 164 คน ผนึกกำลังต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นได้ยกเลิกการสัมมนา ส.ส.ของพรรคที่จะจัดปลายเดือน มิ.ย.นี้
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะใช้เงิน 2,000 ล้านบาท ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าซื้อความแตกแยก และป้องกันการรัฐประหารได้ ซึ่งพรรคเห็นว่าการป้องกันรัฐประหารไม่จำเป็นต้องใช้เงินถึง 2,000 ล้านบาท แต่ทำได้โดย 1.ถอนร่างรัฐธรรมนูญ 2.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และ 3.จัดการบุคคลที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง “หากรัฐบาลเคยชินกับการใช้เงินและคิดว่าเงินสามารถซื้อทุกอย่างได้ ผมก็คิดว่ารัฐบาลใช้เงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อเอาทรัพย์สินที่ถูกอายัดจำนวน 70,000 ล้านบาทคืน เป็นการใช้กุ้งฝอยตกปลากะพง” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเคลื่อนไหวในกรอบกติกา และต่อสู้เคียงบ่าเคียงใหล่กับองค์กรประชาชนที่มีแนวความคิดต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นพรรคสนับสนุนที่จะให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมในกิจกรรมด้านวิชาการของกลุ่มต่างๆ และจะไม่ปิดกั้น ส.ส.ในการเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท กล่าวว่า จะอยู่ในขอบเขตของนักการเมืองในสภา เช่น การต่อสู้ในรัฐสภา หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุระเบียบวาระที่ประชุม ส.ส.จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ อย่าไรก็ตาม ก็ต้องรอผลหารือของคณะทำงานอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะทำเอกสาร และจัดปราศรัยทำความเข้าใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ ส่วนจะเริ่มดำเนินการเมื่อใดนั้นต้องรอผลการหารือในที่ประชุมพรรค