“อุดม” ซัด “อัยการ” ยุคนี้มักทำตัวเป็นเนติบริกร เมินส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความที่มา คตส. ชี้แค่ความเห็นส่วนตัว เดินหน้าสางโกงต่อ ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวยัน กฎหมาย ป.ป.ช.ให้แยกฟ้อง “ชัยเกษม” ได้
วันนี้ (16 พ.ค.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล ออกมาระบุว่า คตส.ต้องยุติการปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ว่าที่มาของ คตส.ถูกต้องหรือไม่ว่า เป็นความเห็นของคนบางคน ซึ่งต้องดูว่าคนที่ออกมาพูดมีหน้าที่ให้ความเห็นได้หรือไม่ ซึ่งก็พบว่าเขาไม่มีหน้าที่ที่จะให้ความเห็น จึงต้องมาเขามีเหตุผลอะไรจึงออกมาพูด โดยอาจมองได้ว่าพูดเพื่อเป็นเนติบริกรหรือต้องการให้สังคมได้เข้าใจได้ถูกต้อง เราต้องดูเบื้องหลังของคนพูดว่ามีหน้าที่หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องดูว่าเป็นเนติบริกรของใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ เพราะขณะนี้ความเห็นที่ออกมาเป็นลักษณะเนติบริกรจำนวนมาก แต่จะเป็นบริกรรับใช้ ตนไม่อาจให้ความเห็นได้
นายอุดม กล่าวว่า แม้จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความและที่มาของคตส.ก็ไม่มีปัญหา เพราะคตส.สามารถปฎิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เนื่องจากเป็นแค่การยื่นให้ตีความว่ากฎหมายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ถ้าจะให้ คตส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องถามว่า สมมติว่ามีคนหนึ่งที่เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีถูกกล่าวหาอย่างนี้ต้องติดคุกหรือไม่ หรือต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน
เมื่อถามว่า นายวัยวุฒิ ระบุว่า คตส.แยกฟ้องนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ในคดีการทุจริตการจัดซื้อซีทีเอ็กซ์ไม่ได้ เพราะพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหาเป็นช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด นายอุดม กล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา แต่เราปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.ที่ระบุว่าหากผู้ถูกกล่าวหาเป็นอัยการสูงสุดก็ต้องแยกฟ้อง ซึ่งเป็นการดูช่วงที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน