“หมัก” ถูกเบรกหัวทิ่ม “เลี้ยบ” สวนแก้ทั้งฉบับแค่คิดคนเดียว

“หมัก” หน้าแหก ลูกพรรคไม่ฟัง เบรกแนวคิดรื้อทั้งฉบับ ระบุ แค่ความเห็นส่วนตัว ต้องคุยกันก่อน “เลี้ยบ” ไปอีกทาง แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไงแน่

วันนี้ (25 มี.ค.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและ รมว.คลัง ฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นช่วงการระดมความเห็นในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่ง ส.ส.พรรคพลังประชาชน ก็มีการหารือกันและพรรคร่วมรัฐบาลก็มีการคุยเช่นกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุป เชื่อว่า ไม่ได้เป็นประเด็นของการทำเพื่อพรรคใดหรือคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความห่วงใยของทุกพรรค เพราะอย่างที่มีข่าวว่าหลายพรรคมีแนวโน้มลดจำนวนกรรมการบริหารพรรคลง

ดังนั้น ในอนาคตจะไม่ได้เห็นกรรมการบริหารพรรค หากยังไม่มีการแก้กติกานี้ เพราะอาจจะมีแค่หัวหน้า เลขาธิการ นายทะเบียน และเหรัญญิกพรรค ไม่ใช่สิ่งที่อยากเห็น ส่วนที่มีการเสนอให้ระดับเลขาธิการพรรคเปิดโต๊ะคุยกันอย่างเป็นทางการนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของแต่พรรคหารือกันภายใน ไม่ใช่เรื่องที่ร่วมหารือกันโดยที่ยังไม่ได้หารือกันภายใน

“อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีส่วนร่วมจากหลายๆ ฝ่าย ทาง ส.ส.ให้มีการพูดคุยกันให้กว้างขวาง คงไม่ใช่เป็นการชี้นำจากเลขาธิการพรรคหรือคนใดคนหนึ่ง” นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี บอกว่า จะแก้ทุกประเด็น รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าแก้ประเด็นไหนเพราะเป็นช่วงระดมความเห็น เมื่อถามย้ำว่าที่นายกฯพูดออกมาเป็นธงว่าจะแก้ทุกประเด็น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ท่านนายกฯท่านก็มีความเห็นของท่าน แต่ในส่วนของ ส.ส.และประชาชนก็สามารถมีความเห็นที่สมควรรับฟังทั้งนั้น

เมื่อถามย้ำว่า เหมือนนายสมัครไม่ยอมฟังเสียงประชาชนเลย นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ประชาชนให้ความเห็นได้อยู่แล้ว ถ้าประชาชนประสงค์ที่จะแก้ก็รวบรวมรายชื่อได้ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าดูจากอารมณ์ของนายสมัครแล้วเหมือนจะทำเรื่องนี้โดยผู้เดียว นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า มิได้ ท่านมองว่าในบทบาทของเราก็ทำได้อย่างนั้น แต่ว่าให้พรรคการเมืองดำเนินาการล่ารายชื่อคงไม่ใช่ภารกิจของ ส.ส.แต่ตนอยากเห็นว่าถ้าประชาชนมีความเห็นอย่างไรก็ไปดำเนินการแล้วร่วมกันล่ารายชื่อ

เมื่อถามว่า พลังประชาชนจะเป็นแกนนำในการรวบรวมรายชื่อหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องเป็นความตั้งใจของประชาชน พรรคคงไม่ไปล่ารายชื่อ ดังนั้น ประชาชนน่าจะเป็นผู้เริ่มต้นที่จะดำเนินการด้วยตัวประชาชนเอง

เมื่อถามว่า วิปรัฐบาลสรุปว่าจะแก้เพียงมาตรา 237 เป็นกรณีเร่งด่วนก็จะถูกพุ่งเป้าว่าไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวมแต่จะเป็นการหนีคดียุบพรรคอย่างเดียว นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของที่ประชุมวิป แต่ตนเข้าใจว่าแต่ละพรรคก็ต้องหารือกันเป็นการภายใน เมื่อถามว่าจะได้ข้อยุติเมื่อไหร่ เพราะประชาชนเริ่มสับสนแล้ว นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

เมื่อถามว่า เหมือนกับเป็นการโยนหินถามทาง ว่า จะแก้ 237หรือทุกประเด็นดี หรือว่าจริงๆ แล้วมีอะไรกันแน่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เราอย่าไปมองเรื่องของการโยนหินถามทาง มองว่าเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนควรมีส่วนร่วม ฉะนั้นความเห็นจึงหลากหลายอีกทั้งเพิ่งเริ่มต้นที่จะมีความเห็นกัน ยังมีเวลาที่แต่ละฝ่ายจะหาข้อสรุปของตัวเอง

/0110