คดีทุจริตกล้ายาง ส่อแววซ้ำรอยหวยบนดิน อัยการจ้องตีกลับสำนวนอ่อน อ้างไม่ระบุการคิดเงินชดเชยความผิดทางแพ่ง หลังแก๊งแม้วสุมหัวยื่นขอความเป็นธรรม
แหล่งข่าวจากคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่มี นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดเป็นประธานเปิดเผยว่าล่าสุดคณะทำงานได้มีการประชุมกันเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีการพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ถูกชี้มูลความผิดหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการอีกหลายคนได้ร้องความเป็นธรรมมายังคณะทำงาน ซึ่งในการประชุมล่าสุดคณะทำงานเห็นว่าสำนวนคดีที่ คตส.ส่งมายังไม่สมบูรณ์เพียงพอต่อการพิจารณาสั่งฟ้อง และจะครบกำหนด 30 วัน นับแต่คตส.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด คือ วันที่ 17 มีนาคมนี้ ดังนั้น จึงทำให้คณะทำงานเสนอเรื่องไปยัง นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุดเพื่อขอให้ลงนามในหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันของ คตส.กับอัยการ
“โดยหลักการที่อัยการส่งไปให้ คตส.ก็จะคล้ายกับคดีหวยบนดิน คือ อัยการยังไม่ได้ทำความเห็นสั่งคดีภายใน 30 วัน แต่ครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนเช่นกรณีหวยบนดิน จึงทำให้หนังสือที่ส่งไปให้ คตส.มีการกำหนดประเด็นให้ชัดเจนมากขึ้นว่าอัยการเห็นว่าสำนวนไม่รัดกุมตรงไหน ซึ่งประเด็นใหญ่ที่อัยการเห็นว่าสำนวนของคตส.ยังไม่สมบูรณ์คือกรณีที่ คตส.ขอให้อัยการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการเรียกค่าเสียหายทั้งการฟ้องอาญาและพ่วงความเสียหายทางแพ่งไปด้วย พบว่า ในสำนวนไม่มีการระบุให้ชัดเจน ว่าจะให้อัยการเรียกร้องค่าเสียหายจากความผิดของโครงการในช่วงไหน ซึ่งถือเป็นประเด็นใหญ่ที่อัยการยังไม่สามารถสั่งสำนวนได้” แหล่งข่าวจากคณะทำงานฝ่ายอัยการกล่าว
แหล่งข่าวจากคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่มี นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดเป็นประธานเปิดเผยว่าล่าสุดคณะทำงานได้มีการประชุมกันเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีการพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ถูกชี้มูลความผิดหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการอีกหลายคนได้ร้องความเป็นธรรมมายังคณะทำงาน ซึ่งในการประชุมล่าสุดคณะทำงานเห็นว่าสำนวนคดีที่ คตส.ส่งมายังไม่สมบูรณ์เพียงพอต่อการพิจารณาสั่งฟ้อง และจะครบกำหนด 30 วัน นับแต่คตส.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด คือ วันที่ 17 มีนาคมนี้ ดังนั้น จึงทำให้คณะทำงานเสนอเรื่องไปยัง นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุดเพื่อขอให้ลงนามในหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันของ คตส.กับอัยการ
“โดยหลักการที่อัยการส่งไปให้ คตส.ก็จะคล้ายกับคดีหวยบนดิน คือ อัยการยังไม่ได้ทำความเห็นสั่งคดีภายใน 30 วัน แต่ครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนเช่นกรณีหวยบนดิน จึงทำให้หนังสือที่ส่งไปให้ คตส.มีการกำหนดประเด็นให้ชัดเจนมากขึ้นว่าอัยการเห็นว่าสำนวนไม่รัดกุมตรงไหน ซึ่งประเด็นใหญ่ที่อัยการเห็นว่าสำนวนของคตส.ยังไม่สมบูรณ์คือกรณีที่ คตส.ขอให้อัยการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการเรียกค่าเสียหายทั้งการฟ้องอาญาและพ่วงความเสียหายทางแพ่งไปด้วย พบว่า ในสำนวนไม่มีการระบุให้ชัดเจน ว่าจะให้อัยการเรียกร้องค่าเสียหายจากความผิดของโครงการในช่วงไหน ซึ่งถือเป็นประเด็นใหญ่ที่อัยการยังไม่สามารถสั่งสำนวนได้” แหล่งข่าวจากคณะทำงานฝ่ายอัยการกล่าว
