“ปธ.คตส.” เอ่ยชมสปิริต “อภิรักษ์” สร้างมาตรฐานทางการเมือง ทักท้วงไม่จำเป็นต้องยุติหน้าที่ เพราะแค่แจ้งข้อกล่าวหา ปฏิเสธกลับลำแจ้งข้อหาเพราะถูกกระแสกดดัน ยันยึดตามมติเสียงส่วนใหญ่
วันนี้ (13 มี.ค.) นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจรตเรือ-รถดับเพลิงของ กทม.กล่าวถึงกรณี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศขอยุติการทำหน้าที่ หลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหา ว่า ความจริง นายอภิรักษ์ ไม่ต้องหยุดทำงานก็ได้ เพราะเป็นแค่เพียงข้อกล่าวหา แต่การกระทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดี ที่จะสร้างมาตรฐานทางการเมืองที่ดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า นายสมัคร สุทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีอีก 3 คน ควรจะทำเหมือนกับนายอภิรักษ์หรือไม่ นายนาม ตอบว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วง
เมื่อถาม คตส.สรุปว่า ทำเอโอยู เป็นโมฆะ ส่งผลให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะด้วย เหตุใด นายอภิรักษ์ จึงถูกตั้งข่อกล่าวหาด้วย เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง นายนาม กล่าวว่า สัญญาดังกล่าวมีการเซ็นมาก่อนหน้านี้หมดแล้ว จึงถือว่ามีผลบังคับ ในส่วนของ นายอภิรักษ์ ได้เข้ามาดำเนินการต่อด้วยการลงนามเปิดแอลซี และทำให้สัญญานั้นสามารถเดินหน้าต่อไปอีก ซึ่งเป็นความเห็นที่แตกต่างของ คตส.เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อซักว่า หาก คตส.ยืนยันว่า เอโอยู ถือเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น มีโอกาสที่นายอภิรักษ์จะหลุดจากข้อกล่าวหาในชั้นไต่สวนหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า นายอภิรักษ์ ต้องมาแก้ข้อกล่าวหาก่อน และต้องดูว่าสามารถชี้แจงหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ถือว่าไม่ผิด
เมื่อถามว่า การที่ คตส.แจ้งข้อกล่าว นายอภิรักษ์ เพื่อแสดงว่า คตส.ไม่ได้เลือกปฏบัติ ตามที่พรรคพลังประชาชน เคยกล่าวหามาก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ นายนาม กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องถือตามมติเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม คตส.จึงต้องปฏิบัติตาม เพราะเป็นเรื่องของความเห็นทางกฎหมาย จะถูกหรือผิด ก็ยังมีเวลาที่จะชี้แจง เพราะหลังจากนี้ คตส.จะแจ้งข้อกล่าวหากับทุกคน เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา และเพื่อให้เขามีสิทธิมาแก้ข้อกล่าวหา เพื่อมีเวลาพิสูจน์ตัวเอง ส่วนตัวเชื่อว่า หลังจากที่ คตส.แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องครบแล้ว คดีนี้ก็จะสามารถเดินต่อไปได้และสามารถสรุปได้ในเร็วๆ นี้ คาดว่า จะทันตามกรอบเวลาที่วางไว้