“ครม.เงา” เหลืออด เตรียมพบเท้ากระตุกต่อมเศรษฐกิจ “หมอเลี้ยบ” พรุ่งนี้ แนะเผาทิ้งไอเดียเปิดบ่อนกระตุ้นเศรษฐกิจ หวั่นรายได้ไปอยู่ที่คนรวย นัด “มิ่งขวัญ” เสนอแก้ปัญหาสินค้าแพงต้นสัปดาห์หน้า
วันนี้ (6 มี.ค.) นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ครม.เงาว่าที่ประชุมได้มีการวิเคราะห์ถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดย ครม.เงาเห็นด้วยกับมาตรการลดภาษี แต่เห็นว่าประเทศไทยยังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องเสียภาษี จึงต้องหามาตรการอื่นๆ มาช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ โดยที่ประชุมเสนอให้มีการใช้เงินของภาครัฐผ่านทางงบประมาณกลางปี จำนวน 40,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อทำให้เงินถึงมือประชาชนโดยตรง ทำให้มีอำนาจการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้น เห็นว่ารัฐบาลไม่ต้องห่วงเรื่องงบประมาณสามารถขาดดุลได้เพิ่มจากเดิมอีก 200,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในวันที่ 7 มี.ค. เวลา 09.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเงา และนายสรรเสริฐ สะมะลาภา รมช.คลังเงา จะเดินทางเข้าพบ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เพื่อเสนอมาตรการที่ ครม.เงาให้ความเห็นชอบ เพื่อต่อสู้กับเศรษฐกิจ และให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยจะนำเสนอให้ใช้งบประมาณสมทบจากงบประมาณปี 51 นอกจากนั้น ในต้นสัปดาห์หน้า นายเกียรติ สิทธีอมร รมว.พาณิชย์เงา จะได้ทางเข้าพบนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เพื่อเสนอมาตรการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง
นายศิริโชค กล่าวต่ออีกว่า นอนกจานั้นที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะกระตุ้นเศรษฐด้วยการเปิดบ่อน เพราะต้นทุนทางสังคมที่รัฐบาลต้องไปบำบัดนั้นเมื่อดูจากต่างประเทศแล้วตัวเลขอาจสูงกว่าผลประโยชน์ทางเศรษกิจที่ได้รับ 6 เท่า เนื่องจากจะมีปัญหาในเรื่องอาชญากรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ญาติพี่น้องของผู้ติดการพนัน ดังนั้น แนวคิดการเปิดบ่อนจึงเป็นเพียงการโอนรายได้จากกลุ่มคนยากจนไปให้คนร่ำรวย ซึ่งมักจะเป็นเจ้าของธุรกิจเท่านั้น นอกจากนี้ยังผิดศีลธรรม เพราะรัฐบาลควรเป็นแบบอย่างในการสนับสนุนให้ทำหลักธรรมของศาสนามาให้เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและการพัฒนาคุณภาพชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางพรรคได้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาลในการเปิดบ่อนว่าเป็นอย่างไรก็จะนำเสนอในที่ประชุม ครม.เงาว่าถ้าเราไม่เปิดบ่อนจะมีมาตรการไหนที่ดีกว่านี้ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และขณะนี้ทางพรรคกำลังศึกษา เพื่อดูข้อเท็จจริง เพราะอย่างน้อยเป็นการชี้นำให้ประชาชนได้รับทราบสภาพข้อเท็จจริง