“สุทธิพล ทวีชัยการ” เตือนประชาชนที่ย้ายสิทธิเลือกตั้งตอนเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้เลือกตั้งส.ว.ต้องใช้สิทธิที่เดิม ย้ำพบการฉีกบัตรเลือกตั้ง โดนอาญาแน่ เตือนอีกห้ามจำหน่ายสุราในวันเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงการเลือกตั้ง ส.ว.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ว่า หากใครที่ไม่สามารถไปลงทะเบียนในวันที่กกต.กำหนด ก็สามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าได้ในวันที่ 23-24 ก.พ.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.โดยผู้ที่ขอลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดไว้ จะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่เลือกตั้งกลางของเขตจังหวัด ซึ่งผู้ขอลงทะเบียนไว้เมื่อครั้งการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในช่วง 2 วันนี้ โดยจะต้องนำบัตรประชาชนไปแสดงตน หรือบัตรที่ กกต.กำหนดไว้ เช่น ใบขับขี่ เป็นต้น
“เมื่อครั้งเลือกตั้ง ส.ส.คุณไปใช้สิทธิที่ไหน เลือกตั้ง ส.ว.ในครั้งนี้ก็ต้องไปใช้สิทธิที่เดียวกัน ยกเว้นผู้ที่ลงทะเบียนขอเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ซึ่งการเลือกตั้งล่วงหน้ามี 2 แบบ คือเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด และเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัด โดยในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดนั้น ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ เมื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่แล้วไม่ต้องไปลงทะเบียนอีก สามารถไปใช้สิทธินอกเขตจังหวัดได้เลย” เลขา กกต.กล่าวและว่า หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 1171
เลขาธิการ กกต.ยังแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยไม่มีเจตนาของประชาชน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องการจงใจทำบัตรเลือกตั้งชำรุด หรือเสียหาย จึงอยากเตือนประชาชนที่มาใช้สิทธิอย่าฉีกบัตรเลือกตั้งโดยเด็ดขาด หากการกระทำเป็นการจงใจ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนในเรื่องของการจำหน่าย จ่าย แจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในวันเลือกตั้งนั้น กฎหมายเลือกตั้งได้ห้ามไม่ให้มีการจำหน่าย ในวันดังกล่าว ระหว่างเวลา 18.00 น.ของวันที่ 1 มี.ค.จนถึงเวลา 24.00น.ของวันที่ 2 มี.ค. และต้องงดจำหน่าย จ่าย แจกหรือจัดเลี้ยงโดยรวมถึงวันเลือกตั้ง ส.ว.ล่วงหน้า ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันที่ 22 ก.พ.จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 24 ก.พ.ด้วย
“สำหรับเลี้ยงงานจัดเลี้ยงสามารถจัดเลี้ยง หรือมีงานสังสรรค์ได้ แต่จะต้องไม่มีสุราหรือแอลกอฮอล์ทุกชนิดภายในงาน เพื่อป้องกันการถูกร้องเรียน แต่หากมีผู้ใดเรียกรับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครคนใดมีโทษจำคุก 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5ปี หากบุคคลใดนำข้อมูลมาแจ้ง กกต.ก่อนวัน หรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วันจะไม่ต้องรับโทษ” เลขา กกต.ระบุ