6 องค์กรสื่อ ไม่ไว้ใจ “หมัก 1” ส่อท่าทีแทรกแซงสื่อ ออกแถลงการณ์เตือนระวังขัด รธน. ม.45-48 หนุนแนวคิด “เพ็ญ” จัดระบบสื่อให้สมดุล แต่ต้องเปิดให้ฝ่ายค้าน-ประชาชน ใช้สื่อของรัฐอย่างเท่าเทียมรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ห้ามแตะไทยพีบีเอสทั้งทางตรงทางอ้อม
วันนี้ (15 ก.พ.) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลปัจจุบันกับสื่อมวลชน มีใจความดังนี้
จากนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ในหมวดว่าด้วยนโยบายการบริหารจัดการที่ดี ระบุว่า “ส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ และสื่อสาธารณะอื่นได้อย่างกว้างขวาง ถูกต้อง เป็นธรรม และรวดเร็ว” โดยไม่ได้พูดถึงหลักประกันในการรับรองเสรีภาพของสื่อมวลชนไว้เลย ขณะเดียวกันพฤติกรรมของบุคคลในรัฐบาลยังมีท่าทีที่ต้องการจะเข้ามาควบคุมและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อมวลชนของรัฐ
ดังนั้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 6 องค์กร ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องมายังรัฐบาลดังนี้
1) รัฐบาลต้องไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45-48 และมาตรา 265(5) บัญญัติไว้ โดยเฉพาะมาตรา 46 ที่ระบุว่า “การกระทําใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าของกิจการเพื่อขัดขวาง หรือแทรกแซงการเสนอข่าว หรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะ ให้ถือว่าเป็นการจงใจใช้อํานาจหน้าที่โดยมิชอบและไมมีผลใชบังคับ”
2) จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ว่า รัฐบาลจะเข้ามาจัดระบบสื่อมวลชนของรัฐให้เกิดความสมดุล เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้านนั้น ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และสามารถปฏิบัติได้ทันที อาทิ การเปิดเวทีให้ฝ่ายอื่นๆ นอกจากฝ่ายรัฐบาล เช่น พรรคฝ่ายค้าน และองค์กรภาคประชาสังคม ได้มีโอกาสใช้สื่อของรัฐในการนำเสนอความคิดความเห็นในโอกาสและเวลาที่เท่าเทียมกันกับการใช้สื่อของฝ่ายรัฐบาล ในรายการ “พูดจาประสาสมัคร” ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์
3) ในการเข้ามาจัดระบบสื่อของรัฐนั้น รัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.... ที่ต้องมีคณะกรรมการที่เป็นอิสระ หรือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคม (กสทช.) เข้ามาทำหน้าที่จัดสรรและกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ดังนั้น ความพยายามใดๆ ที่จะเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนของรัฐ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
4) ในกรณีของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ที่เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของภาคประชาชนเพื่อให้เป็นสถานีโทรทัศน์ที่นำเสนอข่าวสาร สาระและความบันเทิง เพื่อประโยชน์สาธารณะด้วยความเป็นกลาง ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองและธุรกิจนั้น ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลสมควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และไม่มีเหตุผลใดๆ ที่รัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ทั้ง 6 องค์กร หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่มุ่งคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ให้สามารถให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนได้อย่างสมดุล และเป็นธรรม และตอบสนองสิทธิในการสื่อสารของประชาชนอย่างจริงจัง