“หมัก 1” เดินเครื่องเตรียมเลื่อนวันแถลงนโยบายต่อสภาให้เร็วขึ้นในสัปดาห์นี้ จับตายกเลิกมาตรการกันสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์-ทบทวนซีแอลยาต้านมะเร็ง ขณะเดียวกัน มีการแบ่งงานรองนายกฯ แต่งตั้งเลขาฯ-ที่ปรึกษา รมต.คาด “ลูกเหลิม” ใหญ่คับสาธาณสุขแน่
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดที่ 2 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะหารือขอความเห็นเลื่อนวันแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วขึ้น จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ 13 หรือ 14 กุมภาพันธ์แทน เพื่อให้คณะรัฐมนตรีสามารถขับเคลื่อนการบริหารประเทศได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีวาระที่น่าสนใจหลายเรื่อง เช่น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะหยิบยกมาตรการกันสำรองเงินตราต่างประเทศร้อยละ 30 ขึ้นมาพิจารณา
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอขอความเห็นในการทบทวนการประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร หรือซีแอล โดยเฉพาะกรณีที่กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักคือเรื่องยาต้านมะเร็ง
ขณะที่มีรายงานว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน เตรียมยื่นเรื่องต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว การยกเลิกกฎอัยการศึกจะส่งผลให้การท่องเที่ยวดีขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีวาระการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ที่ยังมีปัญหาในการตีความกฎหมาย ว่าผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะสามารถดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้หรือไม่ รวมทั้งจะมีการแต่งตั้งเลขานุการและที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคนจะเสนอแต่งตั้ง
สำหรับในส่วนของพรรคพลังประชาชน มีประมาณ 50 ตำแหน่ง อาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรค เป็นเลขานุการของนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวัน อยู่บำรุง เป็นผู้ช่วยเลขานุการ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาภาคเอกชน และกลุ่มพันธมิตรด้านทรัพย์สินทางปัญญา ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์กรณีซีดีเถื่อนที่วางขายในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 โดยขอให้รัฐบาลหาทางแก้ไขปัญหา และสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกคำสั่งให้ตำรวจท้องที่ทุกแห่งทั่วราชอาณาจักรดำเนินการกวาดล้างอย่างเด็ดขาด และต่อเนื่อง
/0110
