“ไชยา” เก็บของลาสื่อทำเนียบฯ ลั่นไม่เอาแล้วตำแหน่งโฆษกฯ เตรียมกลับไปสอนหนังสือเหมือนเดิม ชม “บิ๊กแอ้ด” ไม่แทรกแซงหน้าที่ แถมเป็นผู้ดีจะไม่เข้าทำเนียบหลัง “หมัก” รับโปรดเกล้าฯ แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดเดิมที่เข้าบริหารประเทศมาตั้งแต่หลังการยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย.2549 ได้เริ่มทยอยเก็บข้าวของออกจากที่ทำงานแล้ว โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เริ่มขนของและเอกสารบรรจุใส่ลังกระดาษบรรทุกออกจากทำเนียบรัฐบาลโดยรถตู้ ขณะที่มีรายงานข่าวว่าช่วงเย็นถึงหัวค่ำมีการเก็บข้าวของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกจากห้องทำงาน จนกระทั่งวันที่ 25 ม.ค.ยังคงมีเจ้าหน้าที่บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำการขนของออกจากที่ทำงานอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาทำงานในหน้าที่นี้ได้เพียง 3 เดือนเศษ ได้เก็บของออกจากตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับโพสต์ท่าให้ผู้สื่อข่าวถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์สั่งลา
นายไชยา กล่าวว่า รู้สึกสนุกมากแต่เวลาในการทำงานน้อยเกินไป น่าจะมีเวลาถึง 6 เดือน เพื่อจะได้เรียนรู้และโชว์ฝีมือให้มากกว่านี้ แต่หากจะให้กลับมาทำหน้าที่นี้อีกคงไม่กลับมาแล้ว “ที่ไม่กลับมาเพราะเห็นว่าตำแหน่งนี้ถ้าไม่มีกึ๋น ไม่มีความอดทน ความตั้งใจจริง และไม่เข้าใจคอนเทนต์ของงานสื่อสารมวลชน จะทำงานลำบาก เพราะเป็นเหมือนหนังหน้าไฟ นอกจากนี้เป็นงานที่จำเป็นต้องมีความรอบรู้ คุยได้ทุกเรื่อง เพราะหากมีการให้ข้อมูลผิดพลาดแล้วจะเกิดผลเสียหายได้”
นายไชยา กล่าวว่า ได้ข้อมูลสำคัญๆ เป็นประโยชน์มหาศาลต่อการสอนหนังสือ เช่น ข้อมูลสรุปภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และการอนุมัติโครงการสำคัญต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักสูตรสำหรับสอนหนังสือให้กับนักศึกษาปริญญาโท-เอก สาขาวิชาการเมืองการบริหาร สาขาวิชานโยบายสาธารณะ และสาขาวิชาการบริหารยุคใหม่ได้
นายไชยา กล่าวว่า ด้วยเวลาเพียง 3 เดือนครึ่ง สามารถทำให้นักข่าวทำเนียบรัฐบาลเกิดความรู้สึกชอบในตนเองได้ ทั้งที่เดิมมีความรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของนักข่าวทำเนียบจะน่ากลัว ดุ สัมภาษณ์โดยรู้จริง รู้ลึก ถามใส่เต็มที่ และรู้สึกภูมิใจที่ทำให้นางยุวดี ธัญญสิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล คุยดีกับตนเองได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้ได้อย่างไรว่านักข่าวชอบ นายไชยา กล่าวว่า ดูออกจากสายตา
นายไชยา กล่าวว่า การแถลงข่าวภาคใต้ กรณีข้อมูลอัล-กออิดะห์ ซึ่งมีการขัดแย้งกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ ถือว่าเป็นการแถลงที่สนุกที่สุด ทำให้มีสีสัน และจำไม่ลืม
นายไชยา กล่าวว่า สิ่งที่จะต้องทำคือ การทำงานของโฆษก ต้อง interactive กับทั้งสื่อและประชาชนให้มากกว่านี้ โดยเห็นว่าสำนักโฆษกควรเป็นสำนักข่าว มีทีวีทุกช่อง มีการรับข้อมูลรอบด้านตลอดเวลา สามารถชี้แจงตอบโต้เพื่อสร้างข้อเท็จจริงของข่าวที่เกิดขึ้นได้ทันที
นายไชยา กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้นายกฯ และครม.มีอำนาจหน้าที่จนกระทั่งคณะรัฐมนตรีใหม่ถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบาย แต่ด้วยความเป็นผู้ดีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ปรึกษาตนด้วย ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับการที่ไม่ควรมีนายกฯ ที่มาจากการโปรดเกล้าฯ ถึง 2 คน
“ครม.ยังอยู่ แต่นายกฯ คงไม่เข้ามาหลังมีการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ แต่จะไม่เกิดภาวะสุญญากาศเพราะรัฐมนตรีและรองนายกฯ คนอื่นยังคงทำงานตามปกติได้” นายไชยา กล่าวและว่า ส่วนตัวจะอยู่ทำหน้าที่ถึงวันพุธหน้า (30 ม.ค.) หรือสิ้นเดือนเป็นอย่างช้า และจากนั้นจะไปทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสือตามปกติ ขณะที่จะยังมีผลงานเขียนลงหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับต่อสัปดาห์ และงานเขียนในนิตยสาร รวมถึงมีงานจัดรายการวิทยุทุกวันตามเดิม
อย่างไรก็ตาม นายไชยา กล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานไม่เคยได้รับใบสั่งจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ยกเว้นการมอบหมายหน้าที่ให้แถลงข่าวสถานการณ์ภาคใต้ ขณะที่ความสัมพันธ์กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี มีเพียงการขอให้แถลงข่าวผลการประชุม ครส.เท่านั้น “ทุกท่านดีกับผมมาก” นายไชยา กล่าว
