“อุดม” ระบุการร่วมทานข้าวระหว่าง คมช.-คตส.เมื่อค่ำวานนี้เป็นแค่เลี้ยงปีใหม่มีการนัดหมายล่วงหน้า แต่ยอมรับมีการปรับทุกข์ถึงอนาคตของตัวเองและบ้านเมือง ลั่นไม่กลัวถูกโดดเดี่ยว แม้เปรียบเหมือนนกน้อยบินอย่างเดียวดาย ขณะที่ “แม้ว” ส่งทนายยื้อคดีใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์
วันนี้ (22 ม.ค.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ คตส.ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับคณะมนตรความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เมื่อค่ำวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการเลี้ยงปีใหม่ ไม่มีการนัดหมายเร่งด่วน เพราะนัดหมายกันไว้นานแล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในระหว่างการรับประทานอาหารร่วมกันได้มีการหารือถึงความเป็นไปเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองด้วย ซึ่งในส่วนการทำงานของ คตส.นั้น คมช.ได้แสดงความเห็นใจ และจะรับผิดชอบ คตส.หากเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง เพราะเป็นฝ่ายขอให้ คตส.เข้ามาทำงาน ซึ่งในส่วนของ คตส.ก็ไม่ได้กังวลใจอะไรเพราะสมัครใจที่จะเข้ามาทำงานนี้เพื่อส่วนรวม และก็จะทำต่อไป
“ในระหว่างรับประทานอาหาร คมช.และคตส.ได้มีการหารือว่าบ้านเมืองต่อไปจะสงบหรือไม่ ซึ่งทุกฝ่ายก็ภาวนาขอให้สงบสุข และก็มีการพูดคุยถึงเรื่องการเมืองว่าจะดีได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับนักการเมือง และผู้ที่จะเข้ามามีอำนาจรัฐ ส่วนใครจะมาดำรงตำแหน่งอะไรนั้น ไม่ได้มีการพูดถึงตัวบุคคล ซึ่งในส่วนของ คตส.ก็หวังว่าผู้ที่เข้ามามีอำนาจรัฐจะรักษาผลประโยชน์บ้านเมือง ไม่มีการโกงกิน”นายอุดมกล่าว
ถามว่า หาก คมช.หมดอายุไปพร้อมกับรัฐบาล คตส.กลัวที่จะถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า คตส.เหมือนนกน้อยโผบินมาเดียวดาย ซึ่งฝ่าย คมช.ก็เห็นใจ และรับปากว่ามีอะไรที่เอื้อเฟื้อได้ก็จะดูแลให้
ในวันเดียวกัน ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ประธานกรรมการบริษัท สำนักกฎหมาย นิติพีรฉัตร จำกัด ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเข้าพบคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง ที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส.เป็นประธาน
นายฉัตรทิพย์ กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ให้เดินทางมารับทราบสำนวนข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีนี้ หลังจากที่ไปรษณีย์ได้ตีกลับมาแล้ว และเปิดโอกาสให้ใช้สิทธิ์ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ซึ่งสำนวนข้อกล่าวหาที่ได้รับครั้งนี้ มีจำนวน 2 ชุด แยกเป็น 1.สำนวนข้อกล่าวหาในคดีได้ทรัพย์สินมาโดยมิชอบ (คดียึดทรัพย์) 1 สำนวน มีความยาว 44 หน้า และ 2.สำนวนข้อกล่าวหาคดีการคงถือครองไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน (คดีซุกหุ้นภาค 2) และคดีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคม จำนวน 13 หน้า
“เท่าที่พิจารณาสำนวนข้อกล่าวหาทั้ง 2 ชุด มีรายละเอียดที่ค่อนข้างมาก และโดยแนวทางปฏิบัติทางทีมทนายความ จะต้องส่งสำนวนข้อกล่าวหาไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบในต่างประเทศ และเซ็นรับรองกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเกรงว่าระยะเวลา 15 วันที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดให้ใช้สิทธิชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอาจจะไม่เพียงพอ ทีมทนายความอาจจำเป็นที่จะต้องขอขยายระยะเวลาการชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง” นายฉัตรทิพย์กล่าว
/0110