พล.อ.สมเจตน์ ประกาศกร้าวเตรียมลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ พรุ่งนี้ ชี้ชัดถูกจัดตั้งโดยนักการเมืองในพื้นที่-ไร้ความเป็นธรรมชาติ ลั่นเตรียมใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการหากพบกระทำที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า ส่วนตัวจะลงไปพื้นที่ใน จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 8 ม.ค.เพื่อไปดูสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของชาวบ้านในพื้นที่ว่าเคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือเคลื่อนไหวโดยไม่ถูกต้องด้วยการมีอามิสสินจ้าง อยากไปดูว่าที่นั่นเกิดปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ในขณะนี้ต้องใช้กฎอัยการศึกเหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพราะเชื่อว่าประชาชนที่มาจะเข้าใจและจะสามารถตอบคำถามที่ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งหากมาในเรื่องที่ว่ากรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.บุรีรัมย์ ไม่มีความเป็นธรรม ก็คิดว่าเขาน่าจะเห็นแล้วว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาก็มีความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ในเรื่อง 3 ใบแดงแล้วว่ามีความผิดจริง จึงอยากให้ประชาชนในพื้นที่กลับไปดูว่าตัวเองถูกหลอกมาหรือไม่ และใครเป็นคนหลอกซึ่งส่วนใหญ่เราก็รู้ว่าเป็นนักการเมืองในท้องถิ่นอยู่แล้ว อยากให้คนบุรีรัมย์ช่วยกู้ชื่อเสียงให้ตัวเอง
“การขนมวลชนแบบนี้ ใครดูก็รู้ว่าเป็นวิธีการที่ไม่ธรรมชาติ ต้องมีการบริหารจัดการซึ่งไม่มีใครทำได้นอกจากนักการเมืองในพื้นที่ ทั้งนี้เขาคงต้องการกดดันกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (กกต.จังหวัด ) และ กกต.กลาง ที่ยังมีการพิจารณาอีกหลายเรื่อง หาก กกต.จังหวัด ถอดใจ ก็จะมีผลให้คดีต่างๆ เลื่อนออกไป และคนชั่วก็จะลอยนวล ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของทุกส่วนในสังคมที่จะต้องช่วยกันขจัดคนชั่ว”
เมื่อถามว่า คมช.หนักใจหรือไม่กับสถานการณ์ในขณะนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดที่ จ.เชียงราย และที่อื่นๆ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามวลชนที่มาแบบนี้ ไม่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ส่วนมาตรการรองรับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นนั้น หัวหน้าสำนักงานเลขาฯ คมช. กล่าวว่า เบื้องต้นไม่ได้เตรียมมาตรการอะไรไว้ คิดว่าเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ แต่หากมีการกระทำที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปจัดการ อย่างไรก็ตาม คมช.ไม่อยากให้เกิดการชุมนุมแบบนี้ในที่อื่นๆ เพราะหากสามารถกดดัน กกต.ที่นี่ได้ คนที่ได้ใบแดงในจังหวัดอื่นก็จะใช้วิธีนี้แบบนี้อีก การชุมนุมแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งเราไม่ต้องการแบบนั้น