13 ซากศพ ทรท.เรียงหน้ากันสลอนแถลงเรียกเรตติ้งช่วงโค้งสุดท้ายให้ทุกฝ่ายปรองดอง ให้การเลือกตั้งตัดสินทุกอย่าง ยืนยันไม่เรียกร้องนิรโทษกรรม “สุดารัตน์” ตีปี๊บระเบิดปริศนาหน้าสำนักงาน “แซม” ยันไม่ใช่กุเรื่องเรียกคะแนนสงสาร
วันนี้ (19 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่โรงแรมรามาการ์เด้น อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จำนวน 13 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายจาตุรนต์ ฉายแสง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายปองพล อดิเรกสาร นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายอดิศร เพียงเกษ นายจำลอง ครุฑขุนทด นายสุธรรม แสงประทุม นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ได้เปิดแถลงข่าวหัวข้อ “คนบ้านเลขที่ 111 พบสื่อมวลชน”
พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า วันนี้ได้นัดหมายคนบ้านเลขที่ 111 เท่าที่พอจะนัดได้มาแถลงยืนยันว่าเรายังคงมีความรักบ้านเมือง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกประการ แต่เรามีบทบาทไม่ได้เพราะถูกตัดสิทธิทางการเมือง ตนได้เขียนบันทึกลงในหนังสือส่วนตัวทุกประเด็นว่ารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วันนี้อยากออกมายืนยันกับสื่อมวลชนว่าพวกเราอยากเห็นความสามัคคีปรองดอง อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสหลายครั้ง หลายโอกาส ซึ่งถือเป็นการจุดแสงสว่างให้กับทุกคน ความเป็นประชาธิปไตยต้องแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย ขอให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. เพื่อตัดสินอนาคตของประเทศ สำหรับการมาแถลงข่าววันนี้ไม่ได้มีนัยทางการเมืองอะไร เราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า แม้พวกเราจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังมีสิทธิห่วงใยบ้านเมือง จึงได้ทำการจัดตั้งเว็บไซต์ขึ้นมา จะมีการนำบทความของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่วิเคราะห์วิจารณ์ และให้ข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์บ้านเมืองมาเผยแพร่บนเว็บไซต์เพื่อให้ผู้มีอำนาจในขณะนี้รับไปแก้ปัญหา เจตนาของพวกเราคืออยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้ หากทุกฝ่ายน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติอย่างจริงจัง หวังว่าหลังวันที่ 23 ธ.ค. ทุกฝ่ายจะยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าผลจะออกมาทางไหนก็ตาม เพราะถือเป็นการตัดสินใจของประชาชน หวังว่าจะไม่มีการชี้นำต่างๆ จนเกิดความไม่เป็นธรรม อย่าเอาพวกเรามาเป็นประเด็น เพราะเราไม่ได้เรียกร้องการนิรโทษกรรม หรือขอคืนสิทธิ
นายปองพล กล่าวว่า สมาชิกทุกคนที่อยู่ที่นี่คือ 111/1 เพราะมีบางส่วนกระจัดกระจายไปอยู่พรรคการเมืองอื่น รู้สึกไม่สบายใจที่ 2-3 วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่าถ้าพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล พวกเขาจะเคลื่อนไหวอีก อยากถามว่าคุณมีสิทธิอะไร ประชาชนส่วนใหญ่เห็นอย่างไรก็ต้องเอาตามนั้น ประเทศมีปัจจัยบวกมากมาย แต่ขณะนี้เราเริ่มถอยหลัง เพราะปัญหาคนไทยด้วยกันทำกันเอง นิรโทษกรรมไม่ต้องมาให้เรา พวกเราเพียงแต่อยากเห็นบ้านเมืองสงบ และไม่ได้มองเฉพาะแค่รุ่นเรา แต่มองไปถึงรุ่นลูก หวังที่จะเห็นประเทศเดินไปได้ดีด้วยคนรุ่นใหม่
นายสุธรรม กล่าวว่า เรามีสิทธิโดยสมบูรณ์ที่จะบอกต่อสังคมว่าเราห่วงบ้านเมืองเช่นเดียวกัน และประชาธิปไตยจะเป็นทางออกของบ้านเมือง วันนี้ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรควรยอมรับ กรณีที่นายสุริยใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ออกมาต่อต้านพรรคพลังประชาชนถือเป็นสำนึกที่ใช้ไม่ได้ เป็นการกวนน้ำให้ขุ่น การตัดสินใจของประชาชนจะเป็นสิ่งเตือนใจคนเหล่านี้เอง
นายอดิศร กล่าวว่า เท่าที่ได้ไปพบปะประชาชนปรากฏว่าให้การต้อนรับเรามากกว่าพรรคเก่าแก่บางพรรคเสียอีก การตัดสิทธิทางการเมืองนั้นเป็นการจงใจตัดสิทธิพวกเรา ซึ่งก็จะขอดิ้นรนตามพื้นฐานทางการเมืองของรัฐธรรมนูญ
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ก่อน 19 ก.ย.49 กลุ่มต่อต้านรัฐบาลขณะนั้นไม่เชื่อรัฐธรรมนูญ ไม่เชื่อถือการเลือกตั้ง ไม่ไว้ใจกกต.ในขณะนั้น แต่เมื่อมีการยึดอำนาจกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคมช.มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้ง กกต.ชุดนี้ คมช.ก็เป็นผู้แต่งตั้งเอง ดังนั้นจึงไม่เหตุผลที่จะไม่เชื่อถือการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ควรมาประกาศล่วงหน้าว่าถ้าพรรคนั้นพรรคนี้ชนะแล้วจะเคลื่อนไหวต่อต้าน จะทำแบบนั้นอีกเพื่ออะไร หากยังทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล มีพฤติกรรมข่มขู่ประชาชน ก็จะทำให้ประชาชนไม่ร่วมมือด้วย อย่างไรก็ตามขอพูดไว้เป็นสัญญาประชาคมว่าเราจะยืนยันในสันติวิธี ไม่ว่าพรรคใดชนะการเลือกตั้ง แม้จะเป็นพรรคที่เราไม่เห็นด้วยอย่างมาก เราก็จะทำแค่วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความเห็นเท่านั้น จะไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลแน่นอน เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้สมัคร ส.ส.ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมมฆะ นายจาตุรนต์ตอบว่า กกต.ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง โปร่งใส และต้องระวังการกระทำที่จะเป็นเงื่อนไขให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
เมื่อถามว่า มีการนำประเด็นนิรโทษกรรมมาเป็นเงื่อนไขตลอดเวลา นายจาตุรนต์ตอบว่า ได้พูดมาตลอดตั้งแต่เกิดเหตุใหม่ๆ จนถึงวันนี้ก็เป็นอย่างเดิมว่าไม่เคยเรียกร้องให้นิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมต้องออกเป็น พ.ร.บ. ใครที่คิดจะออกจะต้องผ่านกระบวนการของสภา ซึ่งไม่ควรจะเขียนว่าเราทำผิดแล้วยกโทษให้ แต่ควรจะเขียนว่ามีการใช้หลักที่ขัดต่อหลักนิติธรรม และใช้กฎหมายย้อนหลัง อย่างไรก็ตามคงปล่อยให้เป็นเรื่องของสภาที่จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะสภาเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ หากสภาไม่เห็นชอบหรือออกกฎหมายลงโทษเพิ่มไปอีก ก็ถือว่าประชาชนทั้งประเทศเอาอย่างนั้น จะไม่ฝืน ไม่ต่อว่า เพราะถือว่าเป็นกระบวนการของประชาธิปไตย
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเลือกตั้ง ที่พรรคขนาดกลางและเล็กมีการรวมตัวกันเพื่อต่อรอง คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า เป็นการรวมเพื่อมีอำนาจต่อรอง ไม่ว่าพรรคไหนก็มีสิทธิทำได้ แต่ส่วนตัวหวังว่าทุกฝ่ายจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน ไม่ออกมาก่อม็อบสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองอีก เวลานี้ชาวบ้านเดือดร้อนมาก หวังว่าการเลือกตั้งจะไม่ใช้กฎหมู่มากกว่ากฎหมาย มองประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนใหญ่ อยากฝากความหวังกับกกต.ว่าจะจัดการเลือกตั้งที่เป็นธรรม เพราะถ้าหากผลออกมาไม่เป็นที่เชื่อถือต่อนานาประเทศ ผลเสียก็จะตกอยู่ที่ประชาชน
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชาชน เขต 3 คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะน้อยครั้งที่จะเกิดความรุนแรงในกทม. โดยเฉพาะละแวกดังกล่าว ตำรวจและทหารต้องเอาตัวผู้ต้องหามาให้ได้ ไม่ใช่เหมาพูดว่าเป็นเรื่องเล็ก เรื่องไร้สาระ เพราะระเบิดกลางเมืองไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน คนธรรมดามีระเบิดไว้ในครอบครองไม่ได้ ก็จะเฝ้าดูว่าเหตุการณ์นี้จะคลี่คลายอย่างไร ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชนถูกรถเก๋งขับไล่ชนนั้น ตำรวจและทหารควรให้ความสนใจและให้ความคุ้มครอง แทนที่จะพูดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือเรื่องไร้สาระ รวมทั้งรีบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นประชาชนจะถูกลูกหลงไปด้วย เมื่อถามว่าเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ป่วน กทม.ในช่วง 7 วันอันตรายก่อนเลือกตั้งหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า กลัวเหมือนกัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบางคน และครป.ได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าถ้าพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลแล้วมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน และยุบ คตส.แทรกแซง ป.ป.ช.ก็จะชุมนุมต่อต้านทันที ไม่ใช่หมายความว่าจะต่อต้านหากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล
/0110