xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “กกต.”อย่ามัวแต่ “เงื้อง่า”...กล้าๆ “ฟัน”หน่อย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน

ขณะนี้มีคดีร้อนที่ส่อยุบพรรคพลังประชาชน(พปช.)อยู่ในมือ กกต.หลายคดี ไม่ว่าจะเป็นกรณี”วีซีดีทักษิณ”-กรณี พปช.ปลอมลายเซ็นนายสิทธิชัย-กรณี พปช.ส่อทุจริตที่โคราช แต่ยังไม่มีคดีใดส่อแววว่า กกต.จะสามารถตัดสินชี้ขาดได้ในเร็ววันนี้ จนบางฝ่ายอดห่วงไม่ได้ว่า การทำงานที่ดูค่อนข้างล่าช้าของ กกต.ชุดนี้ อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นได้ เพราะหาก กกต.มีมติให้ยุบพรรคที่เกี่ยวข้องจริง แต่พิจารณาล่าช้าหรือมัวแต่เงื้อง่า ซื้อเวลาให้ผ่านการเลือกตั้งไปก่อนแล้วละก็ ดีไม่ดี เราอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเลือกตั้งกันใหม่อีกรอบ

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 1 ใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจากกรณียุบพรรค ได้ออกวีซีดีหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนในช่วงนี้ถึง 2 ชุดแล้ว นับเป็นประเด็นที่ต้องยกเครดิตให้แก่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น(คปต.) ที่ได้ออกมาเผยการกระทำดังกล่าวที่น่าจะเข้าข่ายต้องห้ามและเป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งไม่เพียงเป็นความผิดเฉพาะตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลถึงขั้นทำให้”พรรคพลังประชาชน”ที่ใครต่อใครก็ทราบกันดีว่าเป็นพรรคนอมินีของไทยรักไทย ได้รับโทษทัณฑ์ถึงขั้นต้องถูก”ยุบพรรค”ได้

เพราะคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่พูดในวีซีดีชุดแรกที่นายวีระนำมาแฉเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่เพียงได้กระทำการหาเสียงให้พรรคพลังประชาชน ด้วยการพูดชวนให้ประชาชนเลือกผู้สมัครพรรคพลังประชาชนเท่านั้น แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยอมรับด้วยว่า ตนเป็นคนชวนให้อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยที่พรรคถูกยุบไปแล้ว มารวมตัวกันและตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคพลังประชาชน

“...ผมก็เลยบอกกับ ส.ส.พรรคไทยรักไทยทั้งหลายที่พรรคถูกยุบ ก็บอกว่า ถ้าเรารักประชาชน เราห่วงประเทศชาติ เรามารวมตัวกันเถอะ เพราะประชาชนเข้าใจเรา และรู้ดีว่าเราถูกกระทำ เขาก็เรียกมารวมตัวกันและมารวมตัวกันตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคพลังประชาชน ชื่อดีครับ เพราะเราจะต้องขอพลังจากพี่น้องประชาชน เพื่อจะเอาความมั่งคั่งของประเทศกลับคืนมา...สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาก็คือพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องยังมีปัญหาในชีวิต ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ การเมืองมีความเข้มแข็ง แต่นั่นแหละครับมันเป็นจุดที่บางคนเขาอยากเห็นว่า ถ้าการเมืองอ่อนแอเขาได้ประโยชน์ ก็เลยอยากเห็นการเมืองบ้านเมืองของเราอ่อนแอ...แต่พี่น้องประชาชนจะต้องเอาพลังประชาชนสอนให้เขารู้เลยว่า การเมืองจะอ่อนแอไม่ได้ เพราะประชาชนจะอ่อนแอ เพราะฉะนั้นจะเลือกพรรคเดียวเนี่ยให้ดู พี่น้องเลือกพลังประชาชนให้ดู และมันจะเป็นพลังประชาชนนั่นแหละครับที่นำสิ่งที่พี่น้องเคยมีความสุขกลับคืนมา และที่สำคัญ เมื่อความยุติธรรมกลับคืนสังคมไทย ผมจะกลับไปอยู่กับพี่น้องประชาชน จะไปหาพี่น้องประชาชน ก็ขอฝากพรรคพลังประชาชนและผู้สมัครพรรคพลังประชาชนทุกคนด้วยครับ”พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในวีซีดี

ทั้งนี้ มีข่าวว่า วีซีดีดังกล่าวบันทึกที่กรุงลอนดอน และนำไปปั๊มที่ฮ่องกง โดยเพื่อนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างนายเหยียน ปิน หรือนายชาญชัย รวยรุ่งเรือง ก่อนส่งให้ น.พ.สุรพงษ์ ลืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน และ นายเนวิน ชิดชอบ อดีต กก.บห.พรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าเข้าไปล้วงลูกเปลี่ยนโผผู้สมัคร ส.ส.แบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน นำไปแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ!

อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคพลังประชาชนต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องวีซีดีดังกล่าว แถมอ้างว่าวีซีดังกล่าวน่าจะไม่ผิด โดย น.พ.สุรพงษ์ บอก ไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าวมาก่อน และว่า เท่าที่ดูเนื้อหาน่าจะมีการถ่ายทำก่อนที่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งจะประกาศใช้ ด้าน นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชนและที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า วีซีดีดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งสามารถทำได้ และไม่ได้ทำในฐานะสมาชิกพรรค เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งใดใดในพรรคพลังประชาชน!?!

ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก็บอกเช่นกันว่า วีซีดีดังกล่าวเป็นของเก่า พร้อมอ้างว่า กกต.เคยบอกตั้งแต่ครั้งที่ตนและนายเนวินไปปราศรัยที่บุรีรัมย์แล้วว่า เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทยที่สามารถออกความเห็นได้ไม่เป็นปัญหา แต่ภายหลัง กกต.กลับออกมติ 5 ข้อว่าทำไม่ได้ แล้วจะให้ทำอย่างไร เพราะทีแรกบอกว่าทำได้ เขาก็แจกจ่ายกันไปแล้ว

ด้าน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เห็นว่า วีซีดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณหาเสียงให้พรรคพลังประชาชน ไม่เพียงเข้าข่ายผิดกฎหมายที่ห้ามผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมีส่วนในการจัดตั้งพรรคใหม่ แต่ยังผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 97 ที่ห้าม”ผู้ใด”ชี้นำให้เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งด้วย ซึ่งนายวีระได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานวีซีดีดังกล่าวให้ กกต.ตรวจสอบเพื่อเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพลังประชาชนแล้วในวันนี้(11 ธ.ค.)

“ในคำร้องก็บอกถึงรายละเอียดที่ชี้ให้เห็นว่าคุณทักษิณเนี่ย แกกระทำผิดกฎหมายในการที่แกไม่ใช่คนที่จะมาชี้นำหรือจะมาช่วยหาเสียง ตัวคุณทักษิณก็มีความผิด เพราะคุณทักษิณเป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองใน 111 คน คุณไม่สามารถไปช่วยเขาหาเสียงได้ และคุณก็ไม่สามารถไปช่วยชี้นำให้เขาเลือกพรรคการเมืองได้ อย่าว่าแต่ตัวคุณทักษิณเลย ประชาชนอย่างผมอย่างคุณก็ไม่มีสิทธิกฎหมายใช้คำว่า”ผู้ใด” ใครก็ได้ คุณทักษิณไม่ใช่ผู้ใดธรรมดานะ ไม่ใช่ประชาชนอย่างคุณอย่างผม คุณทักษิณเป็นคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วด้วย และในส่วนของพรรคพลังประชาชนมันยืนยันชัด เพราะคุณทักษิณเป็นคนพูดเองว่าแกเป็นคนจัดการ ชักชวนชี้นำจัดตั้งพรรคพลังประชาชนและหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏมาโดยตลอด ก็แสดงให้เห็นเลยว่า พรรคพลังประชาชนเป็นตัวแทนหรือเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ดังนั้นในเมื่อพรรคไทยรักไทยตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพรรคการเมืองนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตย ทำลายความมั่นคงของประเทศ และมีคำวินิจฉัยมีคำสั่งยุบพรรคไปแล้ว ดังนั้นตัวแทนหรือนอมินีก็จะต้องถูกยุบพรรคไปด้วย เพราะการกระทำของพรรคพลังประชาชนเนี่ยก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน”

นายวีระ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คำพูดของนายสมัครที่ยอมรับว่าวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนทำขึ้นมานานแล้วนั้น เท่ากับยอมรับแล้วว่า พรรคพลังประชาชนเกี่ยวข้องกับวีซีดีดังกล่าว และนายสมัครก็รู้ว่าใครเป็นคนทำวีซีดี แต่ไม่ยอมบอก นายวีระ ยังชี้ด้วยว่า จริงๆ แล้ว อดีต กก.บห.พรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิไม่ได้เพิ่งมาทำผิดตอนนี้ แต่ความผิดได้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่ที่ประชุมพรรคไทยรักไทยมีมติให้อดีต ส.ส.ไทยรักไทยย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนแล้ว

“ผมถามคำเดียวเถอะ คุณ(สมัคร สุนทรเวช)ก็บอกว่าคุณเป็นนอมินีคุณทักษิณ คุณทักษิณก็บอกที่อังกฤษ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอังกฤษว่า แกเป็นเจ้าของพรรคพลังประชาชน แล้วก็หลักฐานชัดว่าวันที่ 28 ก.ค.ที่ประชุมพรรคไทยรักไทยมีมติให้อดีต 300 ส.ส.ไทยรักไทยย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนเห็นมั้ย ชัดเจนมาโดยตลอดเลย คุณทักษิณยังมาพูดอีกว่า ตัวเองเป็นคนตั้งพรรค จริงๆ ไม่ได้ตั้งพรรคหรอก คุณเข้าไปเทคโอเวอร์พรรคพลังประชาชน (ถาม-อาจจะผิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วด้วยซ้ำ?) จริงๆ ต้องผิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มีข้อมูลอย่างนี้มาโดยตลอด คุณสุดารัตน์ก็พูด ใครๆ ก็พูดมาโดยตลอด มีหลักฐานทางสื่อมวลชนโดยตลอด”

นายวีระ ยังแฉการกระทำที่ท้าทายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ไม่ยอมหยุดพฤติกรรมหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนผ่านวีซีดีด้วยว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เพราะลำพังแค่วีซีดีชุดแรก พรรคพลังประชาชนก็เสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคแล้ว ยังมีการออกวีซีดีชุด 2 มาท้าทายและย่ำรอยเดิมอีก โดยวีซีดีทักษิณชุด 2 นี้ นายวีระ เผยว่า ผู้ที่ทำการปั๊มและแจกจ่ายก็คือ อดีตแกนนำไทยรักไทยที่เคยมีข่าวจัดโผผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนของพรรคพลังประชาชนนั่นเอง โดยวีซีดีชุดนี้เพิ่งผลิตกันที่ฮ่องกงเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้เอง และได้ประเดิมออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็มวีทีวี ช่องเอ็มวี 6 ซึ่งเป็นโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เป็นพันธมิตรของพีทีวีและไทยรักไทยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา

“เนื้อหาก็เป็นการสัมภาษณ์ของอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ที่เป็นผู้สื่อข่าวของพีทีวี สัมภาษณ์ทักษิณที่ฮ่องกง ก็จะเป็นการให้สัมภาษณ์ให้ทักษิณพูดในประเด็นต่างๆ แต่เขาก็จะพูดถึงพรรคการเมืองต่างๆ และทักษิณก็ขอให้ประชาชนเลือกพรรคพลังประชาชนอีกแล้ว นี่ล่าสุดเลยเห็นมั้ย เขาไม่ได้หยุดเลยนะ และผมได้ทราบว่าเมื่อเช้านี้(10 ธ.ค.)กรรมการบริหารพรรคระดับสูงของพลังประชาชน แกนนำไทยรักไทยเก่าเปิดแชมเปญฉลองเลย เพราะเขาสามารถเผยแพร่ทางเอ็มวี 6 ได้ โดยไม่ถูกบล็อก ผมจะบอกให้เลย นี่ข้อมูลลึกเลยนะ ตัวคนที่บอกก็เป็นคนที่อยู่ในทีมเขานี่แหละที่โทรมาบอกผม”

ด้าน อ.ปรีชา สุวรรณทัต นายกสภามหาวิทยาลัยวงศ์ชวลิตกุล นครราชสีมา และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เห็นว่าวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณที่หาเสียงให้พรรคพลังประชาชนและชี้ชวนอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยตั้งพรรคใหม่คือพรรคพลังประชาชน ถือว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมืองอย่างชัดเจน มีโทษถึงขั้นยุบพรรค และว่า แกนนำพรรคพลังประชาชนไม่สามารถอ้างได้ว่า วีซีดีดังกล่าวผลิตขึ้นก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง เพราะผลิตเมื่อไหร่ไม่สำคัญ สำคัญว่านำวีซีดีมาแจกในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลบังคับแล้ว คำอ้างของแกนนำพรรคพลังประชาชนจึงเป็นคำอ้างที่ฟังไม่ขึ้น

“อันนี้ฟังไม่ขึ้นหรอก แม้จะเป็นข้อเท็จจริงว่าทำมาก่อน พ.ร.ฎ.ก็แล้วแต่ ฟังไม่ขึ้น แต่แกนำมาเผยแพร่เอามาใช้ประโยชน์ในตอนนี้นี่ แกเอามาใช้ในตอนนี้หลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งประกาศแล้ว มันก็เข้าข่ายแล้ว อันนี้ฟังไม่ขึ้นหรอก (ถาม-มันเป็นความเข้าใจผิดมั้ย แกนนำพรรคพลังประชาชนบางคนบอก คำพูดคุณทักษิณเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ทำได้ในฐานะประชาชนทั่วไปที่จะสนับสนุนพรรคไหนก็ได้?) แกไม่ใช่ประชาชนทั่วไปแล้ว แกอยู่ใน 111 คนตามที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้ต้องห้ามไว้แล้ว อันนี้ประเด็นนี้มันฟังไม่ขึ้น จะอ้างว่ามีสิทธิเหมือนประชาชนทั่วไป มันไม่มีสิทธิประชาชนทั่วไปเขาไม่ต้องห้ามไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ...ไปย้อนอ่านดูสิคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญเนี่ย ที่เขายกมายุบพรรค และต้องห้าม 111 คนเนี่ยมีเหตุอะไรบ้าง แกต้องไปย้อนอ่านในอันนั้น ประชาชนทั่วไปเขาไม่ได้ต้องห้ามตามนั้น อันนี้เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย”

ขณะที่ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) พูดถึงกรณีวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนและชี้ชวนให้อดีต ส.ส.ไทยรักไทยรวมตัวตั้งพรรคใหม่ว่า กฎหมายห้าม 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิแสดงบทบาททางการเมือง เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณทำ ก็มีความผิด แต่จะถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ ขึ้นอยู่ว่ามีผู้บริหารพรรคพลังประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในวีซีดีดังกล่าวหรือไม่

“กฎหมายเขาห้ามว่า 111 คนไม่ให้มีบทบาททางการเมืองใช่มั้ย ถ้าคุณทักษิณไปทำ มันก็จะเป็นความผิดเฉพาะตัวคุณทักษิณ 2.ถ้าจะดูตรงนี้ความผิดถึงยุบพรรคมั้ย ต้องไปดูว่าอันนี้เป็นการกระทำของผู้บริหารพรรคด้วยหรือเปล่า ผู้บริหารพรรคไปมีส่วนในการทำด้วยหรือไม่ อย่างไร มันถึงจะไปเกี่ยวข้องกับพรรค (ถาม-มีข่าวว่า คุณทักษิณอัดวีซีดีที่ฮ่องกง ทำโดยคุณเหยียน ปิน แล้วคุณเหยียนปินให้หมอเลี้ยบ(นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี)และคุณเนวินไปปั๊มแจก ถ้าพิสูจน์ได้ว่า คุณเนวินและหมอเลี้ยบนำไปแจกจริง ถึงขั้นยุบพรรคมั้ย?) คุณเนวินเอาไปแจก คุณเนวินก็ผิดในฐานะที่เป็น 111 คนใช่มั้ย แต่ถ้าหมอเลี้ยบเขาเป็นเลขาธิการพรรค ถ้าหากว่า กกต.เขาสอบสวนได้ว่าเป็นกิจกรรมของพรรค อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องวินิจฉัยให้ถูกต้องแล้ว เพราะอำนาจวินิจฉัยเป็นของ กกต.เขา”

ด้าน นายวรินทร์ เทียมจรัส เลขานุการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กทม.พูดถึงวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณว่า ตามกฎหมายแล้ว เมื่อตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค จะมีข้อกำหนดห้ามกรรมการบริหารพรรคนั้นยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้นการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งการชี้ชวนให้อดีต ส.ส.ไทยรักไทยตั้งพรรคใหม่คือพรรคพลังประชาชน และการเชิญชวนให้ประชาชนลงคะแนนเลือกพรรคพลังประชาชน ถือว่าเข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย เพราะเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

ส่วนการจะดูว่าพฤติกรรมใดหรือสิ่งใดเป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่ อดีต กกต.กทม. บอกว่า ต้องดูว่าสิ่งนั้นทำให้พรรคหนึ่งพรรคใดได้คะแนนหรือเสียคะแนนหรือไม่ ซึ่งคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณชัดเจนว่าทำให้พรรคพลังประชาชนได้คะแนน ดังนั้นหากตนเป็น กกต.แล้วได้ฟัง ตนก็ตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนแน่นอน และว่า กรณีวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณนี้ ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและคอขาดบาดตาย กกต.ต้องชี้ขาดให้เร็ว และควรให้ตุลาการรัฐธรรมนูญชี้ขาดก่อนเลือกตั้ง เพราะหากปล่อยให้เลือกตั้งไปแล้ว ค่อยมายุบพรรค อาจต้องเลือกตั้งกันใหม่อีกรอบ

“ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน นี่เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ ถ้ามันถึงขั้นยุบพรรค ก็คือต้องยุบพรรค ผมเรียนอย่างนี้ว่า การจะวินิจฉัยเรื่องข้อหาหรือความผิดที่น่าจะมีการยุบพรรคได้ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และควรจะรีบทำ ไม่ควรรอ ทีนี้บังเอิญอาจเป็นไปได้ตรงที่กระบวนการในการทำงานของท่าน ท่านอาจจะพวกศาล คือกระบวนการทางศาล เขาก็จะมีการชงกันมาเป็นทางขึ้นมา แต่ความจริงแล้ว งานทางการเมือง มันรอไม่ได้ โอเคข้อมูลนิ่งแล้ว คุณก็ต้องวินิจฉัยไปเลย และมันใช้ระบบไต่สวน มันไม่ใช่ระบบกล่าวหา ไต่สวนเนี่ย คุณสงสัยคุณเรียกมาเลย ผมห่วงตรงที่ว่า ถ้าอย่างนี้พอวินิจฉัยแล้ว ถ้ามีความเห็นจะยุบพรรคเนี่ย ต้องไปเสนอศาลรัฐธรรมนูญ ก็คือ กระบวนการเลือกตั้งมันจะเกิดขึ้นไง พอเกิดขึ้นเสร็จแล้ว พอถึงวันนั้น คุณก็ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าศาลฯ วินิจฉัยว่า งั้นคุณยุบพรรคก็แล้วกัน หรือให้การเลือกตั้งไม่ชอบ ก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่อีก”

อดีต กกต.กทม.ยังฝากถึง กกต.ชุดนี้ด้วยว่า ตนยอมรับในประสบการณ์และความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของ กกต.ทั้ง 5 รวมทั้งเลขาธิการ กกต.เพราะแต่ละท่านล้วนเป็นนักกฎหมายอาชีพ แต่ปัญหาคือ ตนอยากให้ กกต.รีบตัดสินคดีที่ค้างอยู่ในมือ ซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเพราะถึงขั้นยุบพรรคได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ-กรณีศาลฎีกาตัดสินว่าพรรคพลังประชาชนปลอมลายเซ็นนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน และกรณีผู้สมัครพรรคพลังประชาชนส่อทุจริตที่โคราช ดังนั้น กกต.ต้องรู้ว่างานที่ตนกำลังรับผิดชอบ ไม่ใช่งานนักกฎหมายหรือศาล ที่ต้องรอให้มีการส่งเรื่องมาเป็นลำดับชั้น แต่งานของ กกต.เป็น”งานการเมือง”ที่มีผลกระทบต่อประเทศทั้งประเทศ และคดีต่างๆ เป็นเรื่องรอไม่ได้ กกต.ต้องรีบประชุม หากคดีใดสงสัยใครก็เรียกมาทันที ไม่ใช่รอทุกฝ่ายว่าง สังเกตได้ว่าสมัย กกต.ชุดแรก(ชุดที่นายธีรศักดิ์ กรรณสูตร เป็นประธาน) พอมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้นปั๊บ 3 วัน กกต.ชุดนั้นก็สามารถเรียกทุกคนมาสอบได้เลย ส่วนตัวแล้วจึงอยากเห็น กกต.ชุดนี้ทำงานเร่งด่วนแบบ กกต.ชุดนั้น เพราะขณะนี้คดีเร่งด่วนที่อยู่ในมือ กกต.เปรียบเหมือน”แผลกำลังกลัดหนอง” ซึ่งจำเป็นต้องผ่าเอาหนองออก ไม่ใช่ปล่อยแผลกลัดหนองไปเรื่อยๆ !!





กำลังโหลดความคิดเห็น