อนุกรรมาธิการตำรวจ ลุยคุ้ยที่ดินเขายายเที่ยง พบหลักฐานประจักษ์ “สุรยุทธ์” รุกป่าสงวนชัด ย้ำการโอนให้ลูกเป็นเจ้าบ้านแทน ไม่สามารถลบล้าง เนื่องจากความผิดสำเร็จแล้ว เตรียมส่งข้อมูลสรุปอีกครั้ง 24 ต.ค.นี้ ขณะที่ เลขาฯอนุ กมธ.สุดเซ็ง “มีชัย” ไม่เคยเห็นหัวเตรียมไขก๊อก
วันนี้ (19 ต.ค.) นายชุมพล สังข์ทอง คณะทำงานของอนุกรรมาธิการการตำรวจและสิทธิมนุษยชนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าตรวจสอบข้อมูลบ้านพักเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จากกรมแผนที่ทหารบก ว่า จากภาพถ่ายทางอากาศที่เราได้รับมาจากกรมแผนที่ทหาร เมื่อปี 2545 ที่อ้างอิงจากการปักหมุดแนวพื้นที่ พบว่า มีการวางแนวเขตเสาไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่รอบบริเวณบ้านพักเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งเสาไฟฟ้าทุกต้นจะต้องมีการขอนุญาตจากกรมป่าไม้ เพราะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ดังนั้น จึงเป็นหลักฐานที่แสดงอย่างชัดเจน ว่า บ้านพักนายกฯหลังดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแน่นอน อีกทั้งถนนที่มีการก่อสร้างเข้าไปยังบ้านนายกฯก็สร้าง โดย กฟผ.เพื่อทำทางสร้างอ่างเก็บน้ำด้านบน หลักฐานที่เราได้รับมาทั้งหมดจึงเพียงพอที่จะสรุปความผิดของนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งอนุกรรมาธิการจะมีการประชุมเพื่อสรุปหลักฐานทุกอย่างที่ได้ทำการรวบรวมมาอีกครั้งในวันพุธที่ 24 ต.ค.ที่จะถึงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธาน สนช.ออกมาระบุว่า การดำเนินการของอนุกรรมาธิการในการตรวจสอบบ้านพักเขายายเที่ยง เป็นการกระทำในนามส่วนตัวนายชุมพล กล่าวว่า ในประเด็นนี้พวกตนได้รับการแต่งตั้งจากอนุกรรมาธิการชุดใหญ่ที่มี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธาน ซึ่งในอดีตก็เคยมีกรรมาธิการหลายชุดที่แต่งตั้งคณะทำงานขึ้น อาทิ อนุกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตของสมาชิกวุฒิสภาเมื่อปี 2543 ที่มี พ.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานก็ได้แต่งตั้งคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เข้าเป็นคณะทำงาน ซึ่งเรื่องนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าเป็นคนนอกหรือคนในแต่อยู่ที่การทำงานว่าก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะทำงานรวบรวมหลักฐานเสร็จก็ต้องรายงานให้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณา เพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการชุดใหญ่พิจารณาต่อไป โดยส่วนตัวเห็นว่าหากหลักฐานที่เกิดขึ้นชัดเจขนาดนี้แล้วก็สามารดำเนินการเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีได้ แต่มติของกรรมาธิการจะมีออกมาอย่างไรก็ต้องรอดูกันอีกที
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า ได้โอนสิทธิการครอบครองที่ดินบริเวณเขายายเที่ยงไปให้บุตรชายแล้ว นายชุมพล กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่สามารถนำมาใช้กล่าวอ้างให้ตนเองพ้นจากความผิดได้ เพราะในแง่กฎหมายถือว่าการกระทำความผิดสำเร็จแล้ว
นายชุมพล ยังได้แสงความสงสัยถึงท่าทีการดำเนินการของกรมป่าไม้ ที่ทราบเรื่องนี้มาตั้งนานแต่ยังไม่ยอมดำเนินการใดๆ อ้างแต่ว่าไม่มีงบประมาณ โดยการเข้าให้ข้อมูลกับอนุกรรมาธิการในวันนี้ก็ไม่ได้ส่งผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงมาพูดคุย ส่งมาเพียงผู้อำนวยการสำนักป่าชุมชน ที่ให้ข้อมูลเพียง 5 นาทีก็หนีไปแถมยังตอบข้างๆ คูๆ ไม่ยอมระบุให้ชัดเจนว่าข้อมูลที่แท้จริงเป็นอย่างไร
ด้าน นายกฤษศักดา วัฒนพงษ์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจและสิทธิมนุษยชนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช.ออกมาระบุว่า การทำการตรวจสอบที่ดินเขายายเที่ยงของอนุ กมธ.เป็นการทำหน้าที่คนนอกไม่ใช่การทำหน้าที่ในฐานะ สนช.การตรวจสอบของอนุฯจึงถือเป็นการกระทำส่วนบุคคล ว่า การที่ นายมีชัยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อลักษณะเช่นนี้ ทำให้ตนและอนุหลายคนเกิดความรู้สึกน้อยใจ เพราะการตรวจสอบของเราเป็นการทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากรรมาธิการชุดใหญ่ที่มี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นประธาน การออกมาระบุเช่นนี้ จึงถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเรา หลายคนที่เข้ามาเป็นอนุฯก็ถูกรับเชิญมาหลายคนมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ก้าวหน้า ตนก็ประกอบอาชีพเป็นทนายความว่าความแต่ละครั้งได้ชั่วโมละ 4 หมื่นบาท แต่มาทำงานให้อนุกมธ.ไม่ได้แม้แต่บาทเดียวมีแต่ค่าเบี้ยเลี้ยง เวลาถ่ายเอกสารให้กับผู้สื่อข่าวตนก็ต้องออกเงินเอง การพูดแบบนี้จึงถือว่าไม่ให้เกียรติคนทำงานเลยแม้แต่นิด
“ทั้งๆ ที่พวกเราถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดยกรรมาธิการชุดใหญ่ แต่ คุณมีชัย ก็กลับมาพูดให้ร้ายเรา หาว่าพวกเราเป็นคนนอก บอกว่า การทำงานของพวกเราเป็นการกระทำในฐานะส่วนบุคคล ผมถือว่าไม่ให้เกียรติผม ผมน้อยใจมากไม่อยากทำหน้าที่อนุกรรมาธิการแล้ว ผมจะขอลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้เพราะหากทำหน้าที่ต่อไปก็ไม่มีใครเห็นประโยชน์ และในวันพุธที่ 24 ต.ค.ที่จะถึงนี้ผมจะนำเรื่องเข้าไปหารือในการประชุมอนุกรรมาธิการว่าจะมีมติกับสิ่งที่ผมจะขอไปเช่นไร” นายกฤษศักดา กล่าว
/0110