(แก้) วิกฤต หลัง วิกฤต

ระยะสัปดาห์กว่า ๆ ที่ผ่านมา มีบุคคล 2 คนที่ต้องเอ่ยถึง ..คนแรก พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ที่ชะลอการลงนามสัญญาจัดซื้อรถหุ้มเกราะจนกว่าเอกสารการตอบและชี้แจง สตง. จะเรียบร้อย

นี่เป็นอีกหนึ่งของกรณีที่ควรปฏิบัติเป็นปกติของระบบราชการ ที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกหยิบมาวิจารณ์... ก็ในเมื่อรัฐบาลชุดนี้บอกว่า พยายามจะวางรากฐานใหม่ให้กับสังคม ยึดคุณธรรมและหลัก 4 ป.- เปิดเผย โปร่งใส ประหยัด ประสิทธิภาพ ก็สมควรแล้วที่ต้องตัดสินใจเช่นนี้

โดยระบบการบริหารราชการแผ่นดินที่วางรากฐานไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 กำหนดองค์กรอิสระขึ้นมา เพื่อ ตรวจสอบ ถ่วงดุล เหนี่ยวรั้งการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ... สตง.หรือ ปปช. ในฐานะองค์กรอิสระ ซึ่ง ทำหน้าที่ตามปกติของตน ไม่ว่า การชี้มูลว่า รัฐมนตรีถือหุ้นเข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือที่ สตง. เพิ่งแถลงสด ๆ ร้อน ว่ารัฐบาลบริหารงบฯปี 2549 สูญเสียงบประมาณโดยไม่ประหยัด หรือสูญเสียรายได้ รวม 2,147 ล้านบาท..และการจัดจ้างไม่โปร่งใสเป็นมูลค่าตามสัญญากว่า 6,000 ล้านบาท - -

สตง.ทำหน้าที่..ไม่ได้ผิดปกติตรงไหน คนที่เห็นขัดตานั่นแหละพวกไม่ปกติ !!

ถ้าเป็นรัฐบาลที่ เหิมเกริมเมาอำนาจไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งก็จะออกมาต่อว่า สตง. เอาเรื่องลับมาไขที่แจ้ง คล้ายกับที่มีคนบางคนเคยออกมาแสดงความไม่พอใจ ปปช. ที่ทำหน้าที่ชี้ประเด็นผิดรัฐธรรมนูญของรัฐมนตรีถือหุ้นนั่นแหละ

ระบบการบริราชการแผ่นดินที่คาดหวัง ต้องปล่อยให้ องค์กรอิสระทำหน้าที่อย่างอิสระจริง ๆ และควรจะเคารพในข้อท้วงติงดังกล่าวนั้น ดังเช่นที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ ปฏิบัติ ... สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้จับต้องได้จริง ๆ จัง ๆ เสียที ... รัฐบาลนี้เหลือเวลาไม่มาก สู้วางรากฐานที่ดีเอาไว้ภายหน้าเถิด

...........................

คนที่สองที่ต้องบันทึก... ท่านประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ-มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ไม่เออออไปกับข้อเสนอ ไม่ให้เปิดเผยรายชื่อ สนช.จำนวน 114 คน ที่ได้ยกมือรับร่างแก้ไขกฎหมายหวยบนดิน โดยอ้างเหตุว่ามีกระแสจะนำชื่อเหล่านั้นไปประจานฯ ซึ่งที่สุด มีชัย ฤชุพันธุ์ ได้วินิจฉัยว่า...ปกติการลงมติในเรื่องใดๆ ของสนช. ต้องเปิดเผยให้ทราบ โดยติดรายชื่อผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไว้ด้านหน้าห้องประชุม ดังนั้น ใครจะทำอะไรถือเป็นความรับผิดชอบของบุคคลผู้นั้น

หลายคนวิจารณ์ว่าประธาน มีชัย ดูแปลก ๆ..ไม่ปกป้องพวกพ้องกันเลย..อันที่จริง มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ไม่ได้ทำอะไรที่พิเศษขึ้นมาเลย เพียงแต่ทำหน้าที่ - -ที่ต้องยึดหลักการพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ... บังเอิญสังคมไทยในระยะหลายปีมานี้ ไม่ใคร่มีใครทำกันเท่านั้น...เรื่องที่ควรปฏิบัติเป็นปกติ ก็เลย ดูไม่ปกติไปซะงั้น..

นี่เป็นวิกฤตที่น่ากลัวมากของสังคมไทย.. คนไม่รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นไร !!

สนช.เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่สามารถสร้างมาตรฐาน-ค่านิยมและธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีวางไว้สำหรับ สภาฯ ยุคใหม่ ...

ยกตัวอย่างง่ายที่สุดย้อนไปเมื่อสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง ๆ ที่มีเสียงมากมายท่วมท้นในสภาฯ แต่กลับปล่อยให้มีเหตุสภาล่มบ่อยครั้ง เพราะส.ส.หลังยาวโดดร่มขาดประชุม ที่สำคัญที่สุดมีความพยายามเรียกร้องจากสังคมภายนอกมาหลายยุคสมัย ให้สภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยรายชื่อผู้ลงนามเข้าประชุม และรายชื่อผู้ที่เหลืออยู่ในห้อง แต่จนแล้วจนรอดข้อเรียกร้องของสังคมที่มีถึงผู้ทรงเกียรติก็ไม่ได้รับการตอบสนอง หากต้องการได้จริง ๆ ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนหลายชั้น ประเภทให้นักข่าวไปถึงเปิดบัญชีดูง่าย ๆ - - เขาไม่ทำกัน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้ ส.ส. (และสนช.ที่ใช้อำนาจนั้น) เป็นตัวแทนของ ปวงชนชาวไทย ได้อำนาจและสิทธิประโยชน์มากมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนเจ้าของอำนาจนั้นด้วย

สนช. ชุดนี้น่าจะวางบรรทัดฐานใหม่ เปิดเผย-โปร่งใส-รับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการ เปิดรายชื่อผู้ร่วมประชุมโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ ..ให้ดีเริ่มทำกันทุกนัดให้เป็นกิจวัตร สร้างบรรทัดฐานใหม่ รอรับสภาฯจากการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นก็น่าจะดี เผื่อหากเกิดสภาล่มครั้งหน้าจะได้มีข้อเปรียบเทียบไม่ต้องเถียงกันมาก..เพราะถึงที่สุดแล้วการเมืองใหม่จะไม่อนุญาตให้ สภาฯ ปิดบังเรื่องราวภายในของบรรดาผู้มีเกียรติ ให้เป็นความลับกันอยู่ในวงจำกัด

ประเทศไทยจะไม่สามารถก้าวข้ามวิกฤตที่สุดในโลกได้เลย หากไม่มีการปฏิรูปวัฒนธรรมทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความรู้ และ การลงมือกระทำจริง ...

การรณรงค์เลือกตั้งใสสะอาดป้องกันการซื้อเสียงที่กำลังจะลงมือทำนั้น - เห็นว่าดีทำไปเถิด..แต่ในระยะยาวควรสนใจกระบวนการให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องจริงจัง ให้รู้ว่า สิทธิ-หน้าที่ของตนและของผู้ที่ทำหน้าที่แทนตนนั้นมีแค่ไหน เท่าไหร่ ... ประชาชนต้องเข้าถึงและมีส่วนโดยตรงในนโยบายสาธารณะ..การตรวจสอบเหนี่ยวรั้งดุลการใช้อำนาจต้องเป็นจริงทุกระดับ ฯลฯ เพื่อทำให้สังคมไทยสลัดชุดความคิด เลือกตั้ง= ประชาธิปไตย ที่ครอบงำยาวนานออกไปให้ได้เสียที

..................

ปิดท้ายด้วยเรื่องละม้ายใกล้เคียงกัน ขอประชาสัมพันธ์แบบซื่อ ๆ โดยไม่อ้อมค้อมกล่าวถึงงานชิ้นล่าสุดของ คำนูณ สิทธิสมาน หนังสือเรื่อง “ปัญหาบ้านเมือง-วิกฤตหลังวิกฤต” รวบรวมข้อเขียนบางชิ้นในคอลัมน์หน้ากระดานเรียงห้า และการอภิปรายในสภา สนช.

การทำหน้าที่ของ คำนูณ สิทธิสมาน ในสภา สนช. อาจดู แหกธรรมเนียม ขัดตาคนหลายคนที่ยึดกรอบคิดว่า ในเมื่อเป็นสภาแต่งตั้งมาจากมดลูกเดียวกันกับรัฐบาลเหตุไฉนจึงปฏิบัติตัวเหมือนฝ่ายค้านในสภาเลือกตั้ง !!? .. นี่ก็เป็นเรื่องเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละ...ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้ออกกฎหมาย และตรวจสอบรัฐบาล อย่างเป็นปกติ.. แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าไม่ปกติ.. ขอเชิญผู้สนใจร่วมซักถามถึงความไม่ปกติดังกล่าวกับเจ้าตัวโดยตรงในงานเปิดตัวหนังสือ อาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2550 เวลา 14.00 -17.00 น. ห้องมีตติ้งรูม 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 12.30 น. ที่นั่งมีจำกัด กรุณาลงทะเบียนล่วงหน้าที่โทรสาร 0-2281-9912 ผู้ลงทะเบียนจะได้รับการยืนยันการสำรองที่นั่งทางโทรสาร หรือทาง SMS เท่านั้น สอบถามรายละเอียดที่ โทรศัพท์ 0-2629-2700 (คุณนภาลัย-คุณผึ้ง) พิเศษเฉพาะงานนี้ซื้อ 1 แถม 1 ได้หนังสือ คิดไม่เหมือนใคร ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ฟรีติดมือกลับบ้านด้วย !