xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.ปัดสอบทะเบียนสมรสซ้อน “รองบัง” ดัน กม.ครอบคลุม “กิ๊ก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช.
“กล้านรงค์” ระบุ สัปดาห์หน้าเตรียมสรุป รมต.ถือหุ้นเกิน กม.กำหนด ชี้สอบจดทะเบียนซ้อน รองฯสนธิ ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ให้ดูซุกสมบัติไว้ที่ใคร ตั้งใจรอยื่นบัญชีทรัพย์สินภายใน 30 วัน ด้าน “วิชา” เร่งแก้ กม.ขยายความ “คู่สมรส” ให้ครอบคลุมถึงกิ๊ก


วันนี้ (10 ต.ค.) นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ของคณะรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้คณะกรรมการอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานบางจุดเพิ่มเติม และมีรัฐมนตรีบางคนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่ายังประเด็นยังติดอยู่ในบางจุดเล็กๆ เท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่า จะทำการเสนอเรื่องต่อประธาน ป.ป.ช.ในสัปดาห์นี้และเชื่อว่า จะสามารถสรุปข้อมูลให้เสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีที่มีการกระทำที่ขัดต่อมาตรา100 ของกฎหมาย ป.ป.ช.ในเรื่องผลประโยชน์ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมกับผลประโยชน์ส่วนบุคคล ซึ่งหากมีการทำผิดขัดมาตรา 100 จริงจะต้องมีการเข้าสู่กระบวนการไต่สวน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หลังเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ตรงนี้ยังมีประเด็นเรื่องการจดทะเบียนสมรสซ้อนจะมีการจัดการอย่างไร นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.สนธิ ยังไม่มีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ยังมีเวลาอีก 30 วัน หลังจากการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ฉะนั้น ต้องขอดูบัญชีของ พล.อ.สนธิ ก่อนว่าจะยื่นมาอย่างไร ขณะนี้จึงยังไม่ขอตอบถึงเหตุการณ์ข้างหน้า เมื่อถามว่า ประเด็นการจดสมรสซ้อน ป.ป.ช.มีอำนาจในการตรวจสอบหรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า การจดทะเบียนสมรสซ้อนเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่ง ซึ่งต้องไปดูตรงนั้นแต่กฎหมาย ป.ป.ช.คือ การยื่นบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐ และคู่สมรสรวมถึงบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และทรัพย์สินอื่นที่เป็นของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ใช้ชื่อของบุคคลอื่น ส่วนกรณีมีการจดทะเบียนสมรสซ้อนตรงนี้ จะต้องมีการวินิจฉัยว่าเป็นคู่สมรสตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่ว่า ถ้าหากมีการตรวจสอบทรัพย์สินแล้วพบว่า ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของคนอื่นเป็นของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน ก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ว่ากันตามหลักการ

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ป.ป.ช.ทำงานไม่คุ้มงบประมาณ 100 ล้าน เพราะไม่สามารถยึดเงินเข้าหลวงได้ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า เข้าใจว่า นายจรัญ ไปบรรยายให้กับนักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมศาสตร์ รับฟัง ซึ่งตนก็ได้ขึ้นบรรยายด้วย ทราบว่า นายจรัญ ไม่ได้มองประเด็นนั้น แต่ได้มีการตั้งข้อสังเกตในกรณีอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองได้มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินกว่า 200 ล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ปรากฏว่า ได้มีการเคลื่อนไหวของเงินไปหมดแล้ว ซึ่งกฎหมาย ป.ป.ช.ได้กำหนดว่า หากไม่สามารถยึดทรัพย์สินที่ศาลสั่งว่า มีการร่ำรวยผิดปกติให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ ก็สามารถยึดทรัพย์สินอื่นของบุคคลผู้นั้น มาชดใช้เป็นจำนวนเงินที่เท่ากันได้ ซึ่งขณะนี้อัยการได้สั่งยึดหลายอย่างแล้ว

ด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ที่ผ่านมา มักจะมีปัญหาเรื่องคู่สมรส ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงเพิ่มมาตรการดังกล่าว ว่า ผู้ที่ถือครองแทนเราสามารถติดตามได้ ฉะนั้น ตามกระบวนการอย่าไปเพ่งเล็งว่าใครเป็นผู้ถือครองแต่ต้องมองว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของใคร ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ ทั้งนี้ คิดว่า กระบวนการต่อไปที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้มีประสิทธิภาพให้ได้ คือ เราจะต้องเร่งตรวจสอบว่าเงินนี้ต้องตกทอดเป็นของใคร และใครเป็นผู้ถือครอง หรือที่เรียกกันว่านอมินี

“เดิมที่เราไปมองกันว่าคนที่เป็นภรรยาหรือไม่ ให้กิ๊กถือแทนหรือไม่ตรงนี้มันไม่สำคัญ แต่สำคัญตรงที่ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่” นายวิชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการสมรสซ้อนจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินทั้งคู่เลยรือไม่ นายวิชา กล่าวว่าตามหลักเกณฑ์เดิมต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียน แต่หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่มีทรัพย์สินที่เราสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินของผู้นั้น ก็สามารถเรียกตรวจสอบได้ ทั้งตรวจสอบการโอนและการถือครอง อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช.ซึ่งมีกรรมาธิการวิสามัญบางคนได้เสนอว่าคู่สมรสน่าจะใช้ถ้อยคำกว้างๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงคู่สมรสที่ไม่จดทะเบียนด้วยเพื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น