“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ไม่เชื่อ “อารีย์” ออกเพราะรับผิดชอบ แต่เพราะกลัวความผิด หลังมีคนยื่น ป.ป.ช.จับโกหก “เนวิน” อ้างทหารไล่ล่าจับแก้ผ้าปล่อยข้างถนน สวนทางข้อเท็จจริงขับรถเข้าไปรายการตัวที่ บก.ทบ.เอง ชี้จุดตาย “ปู่หมัก” เคยดูถูกคนอีสาน พ่นคำ “หน้าหมา” ใส่สมัชชาคนจนหน้าทำเนียบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 26 ก.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกได้กล่าวถึงการประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของนายอารีย์ วงศ์อารยะ โดยนายอารีย์อ้างว่าที่ประกาศลาออกเพราะต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อการถือหุ้นในบริษัท สนามกว้างไพศาล จำกัด จำนวน 50,000 หุ้น ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2 คน และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงไปให้กำลังใจ
เป็นที่สังเกตว่า นายอารีย์ได้อ้างว่าไม่รู้เรื่องมาก่อนกรณีที่กรมการปกครองไปทำสัญญาซื้ออาหารกระป๋องจากบริษัทสยามกว้างไพศาล จำกัด ซึ่งทำให้ถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน และเมื่อทราบเรื่องจึงต้องแสดงความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์มาหลายวัน แต่นายอารีย์ก็ยังยืนยันว่าไม่ลาออก เพราะฉะนั้น คาดว่าสาเหตุที่แท้จริงที่นายอารีย์ประกาศลาออก น่าจะเป็นเพราะถูกดดันและมีคนไปยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.เอาผิดนายอารีย์ กรณีถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 และมีผลประโยชน์ทับซ้อน
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า การที่นายอารีย์อ้างว่าไม่ได้เกรงกลัวต่อแรงกดดัน แต่ลาออกเพราะต้องการแสดงความรับผิดชอบนั้น ทำให้อดขำไม่ได้ เพราะในวันแรกๆ ที่ตกเป็นข่าวนั้น นายอารีย์ตอกย้ำอยู่ตลอดว่า เขาไม่ผิด จะไม่ลาออก และไม่ตกหลุมพรางให้กับผู้ไม่หวังดี
นอกจากนี้ นายอารีย์ยังบอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีมีความเหมาะที่จะเป็น รมว.มหาดไทยควบอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะนายกฯ ได้ทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงมหาดไทยจึงรู้งานในกระทรวงนี้ดี ขณะเดียวกัน นายอารีย์ก็ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ประธาน คมช.จะมาเป็น มท.1 หลังจากนายอารีย์ลาออก โดยอ้างว่าไม่ได้เสนอชื่อใครให้มาสืบทอดตำแหน่งแทน แต่ให้นายกฯ เป็นผู้ตัดสิน แถมยังทิ้งท้ายอีกว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมือง แต่ถ้านายกฯ ต้องการให้มาช่วยงาน หรือ รมช. 2 คนร้องขอร้องให้มาช่วย ก็พร้อมจะมาร่วมงานกับรัฐบาลนี้อีก
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นการวัดระดับจริยธรรมของรัฐบาล ซึ่งพบว่ายังมีปัญหาอยู่มาก การโยกย้าย แต่งตั้ง การให้ออก หรือการให้นั่งอยู่กับที่ โดยผิดจริยธรรมมีหลายกรณี เช่น การโยกย้ายในกระทรวงกลาโหมที่มีข้อครหาว่า เอื้อประโยชน์ให้กับพี่น้องของตัวเองได้มีโอกาสเติบโตในกรมพลังงานทหาร ซึ่งในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยมีข้อครหาในลักษณะนี้ รัฐบาลนี้ก็ยังทำตามอีก
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม ยอมรับว่าในกรมพลังงานทหารมีความไม่โปร่งใสในการบริหารงาน แต่กลับบอกว่าไม่อยากเอาเรื่อง ไม่อยากฆ่า จึงแค่โยกย้ายเฉยๆ ซึ่งความคิดแบบนี้ ไม่ควรจะเป็นวิสัยของข้าราชการ ในยามที่เราเผชิญวิกฤตปัญหาการทุจริต และการพูดแบบนี้ อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ด้วยซ้ำ
ผู้ดำเนินรายการได้สนับสนุนความเห็นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่า พล.อ.สนธิ สามารถมาเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลปัจจุบันได้ แต่ถ้าลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยจะไม่สวย เพราะเป็นรัฐมนตรีด้วย แล้วไปหาเสียงเลือกตั้งด้วย เป็นเรื่องที่น่าเกลียด เพราะขณะที่ตัวเองมีตำแหน่งในรัฐบาล จะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องการวางแผนเข้าสู่การเมืองของตัวเองในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้ยังต้องการให้ พล.อ.สนธิมามีตำแหน่งรัฐบาล เพื่อจะได้หยุดคิดเรื่องการลงเลือกตั้ง หรือเล่นการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ
ต่อมาผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงคำปราศรัยของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าหลังวันที่ 19 ก.ย.49 ตนเองถูกไล่ล่า ถูกทหารนับ 100 นายค้นบ้านแล้วเอาปืนจี้ต่อหน้าลูก เมื่อจับได้ก็เอาไปแก้ผ้า ทำการสอบสวนจนเสร็จ ก็แก้ผ้าอีกครั้งแล้วนำปล่อยทิ้งไว้ข้างถนน
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ไม่เชื่อว่าสิ่งที่นายเนวินพูดเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าจับนายเนวินแก้ผ้าแล้วนำปล่อยข้างถนน ก็ต้องมีคนเห็น ซึ่งจะเป็นเรื่องที่อุจาด และเป็นเรื่องใหญ่ ที่ฝ่ายของนายเนวินจะเอาไปสร้างกระแสดึงมวลชนได้ แต่ปรากฏว่าในช่วงนั้นไม่มีกระแสข่าวนี้เลย
ที่สำคัญคือ นายเนวินเข้าไปรายการตัวต่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตามคำสั่ง คปค.ที่ 9 ลงวันที่ 20 ก.ย.2549 ที่ให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายเนวิน ชิดชอบ ไปรายงานตัว ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนินนอก ภายในวันที่ 21 ก.ย.2549 ซึ่งในวันรุ่งขึ้น นายเนวินก็ขับรถไปที่ บก.ทบ.แล้วโบกไม้โบกมือ ถ้านายเนวินถูกล่าคงไม่มาในสภาพอย่างนี้
เมื่อนายเนวิน ถูกควบคุมตัวที่ บก.ทบ.ก็ให้อยู่ในห้อง 211 ส่วนนายยงยุทธ อยู่ที่ห้อง 213 ทั้งสองห้อง เป็นห้องที่ใช้รับรองแขกวีไอพี และเป็นห้องโถงใหญ บรรยากาศแบบนี้ไม่อยู่ในสภาพที่นายเนวินจะถูกกระทำในทางที่ไม่ถูกต้องได้
กรณีนี้ พล.อ.สนธิ ได้ระบุชัดว่า นายเนวินพูดนั้นฟังดูแล้วเป็นเรื่องแปลก เพราะวันที่เชิญนายเนวินกับนายยงยุทธไปนั้น ทหารก็ต้อนรับดี ตนก็มานั่งคุย แล้วเชิญไปที่ บก.สส.ก็ไม่เป็นเป็นอย่างที่พูด สิ่งที่นายเนวินพูดที่บุรีรัมย์นั้นเป็นเรื่องทางการเมือง พูดเพื่อหาเสียง ซึ่งการตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ผู้ดำเนินรายการยังต้องข้อสังเกตถึงการจัดปราศรัยที่ จ.บุรีรัมย์ ของพรรคพลังประชาชนว่า คนที่มาฟังจำนวนหลายหมื่นนั้น น่าจะมาจากการจัดการของนายเนวิน เพราะในช่วงที่นายเนวินพูดนั้น มีคนฟังเต็มลานหลายหมื่นคน แต่พอแกนนำคนอื่นขึ้นพูด จำนวนคนฟังก็เริ่มลดลง จนถึงคิวนายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นพูด เหลือคนฟังเพียง 3 พันคนเท่านั้น ซึ่งอาจมองได้ในแง่หนึ่งว่า คนอีสานอาจไม่ชอบนายสมัคร
ผู้ดำเนินรายการได้ย้อนถึงพฤติกรรมในอดีตของนายสมัครว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2546 นายสมัครซึ่งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้สั่งให้เทศกิจเข้ารื้อที่พักของสมัชชาคนที่มาปักหลักประท้วงเรื่องเขื่อนปากมูลที่ข้างทำเนียบรัฐบาล โดนมีการโยนข้าวของของชาวบ้านขึ้นรถ ปะปนกันไปหมด ทำให้กลุ่มสมัชชาคนจนก็ไม่พอใจ และเข้าขัดขวาง นายสมัครได้กล่าวคำพูดในเชิงดูถูกคนอีสาน โดยใช้คำว่า “หน้าหมา” ถึง 2 ครั้ง
นอกจากนี้ ขณะที่นายเปาโล คำสวัสดิ์ ได้ก้มลงกราบนายสมัครเพื่อขอเก็บของเอง นายสมัครก็มีท่าที่เฉยเมยไม่สนใจ ซึ่งภาพนี้ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ และจะเป็นหลักฐานในการประจานนายสมัคร เชื่อว่าจะมีการนำไปพิมพ์เป็นโปสเตอร์แจกจ่ายไปทั่วภาคอีสาน เพื่อที่จะบอกว่านายสมัคร มีความจริงใจต่อคนอีสานหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้จะทำให้พรรคพลังประชาชนมีปัญหาในการเจาะพื้นที่ภาคอีสานแน่นอน เหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเจอกรณีที่ปล่อยให้สุนัขกัดม็อบเรียกร้องราคามันสำปะหลัง
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )