xs
xsm
sm
md
lg

ศึก 4 ก๊กโคราช .. เจ๊หน่อย โผล่ร่วมวงกระหนาบ สุวัจน์

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

อย่าได้โทษ พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ ที่วิเคราะห์รัฐบาลหลังเลือกตั้งจะอยู่ได้แค่ 1-2 ปี เพราะการเมืองไม่นิ่ง-ขาดเอกภาพ...คนที่สนใจการเมืองจำนวนมากก็คิดเช่นนี้รวมทั้ง ยามใหญ่-สนธิ ลิ้มทองกุล ด้วย

ในบรรยากาศหดหู่เช่นนี้ มองโลกด้านบวกดีกว่า..อย่าได้คิดว่านี่เป็นการถอยหลัง เพราะนี่คือ อาการของการขยับเข้าสู่การเมืองใหม่ ภายใต้วัฒนธรรมและบรรทัดฐานใหม่ การก้าวผ่านช่วงรอยต่อระยะเปลี่ยนผ่านดังกล่าว ย่อมจะเกิดการขลุกขลัก ไปจนถึง อาการมั่ว-มึน ไปสักช่วงหนึ่ง

ประสบการณ์ของสังคมไทย ครั้งถูกปลดปล่อยจากอำนาจท็อปบู๊ตหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้เห็นกันแล้วว่า กระเพื่อม โกลาหล มีการแสดงออกทางเสรีภาพ ทวงสิทธิ เรียกร้องกันมากมาย ชนิดประท้วงเป็นรายวัน รัฐบาลก็พัลวันพัลเก.. ต่อเนื่องมาถึงยุครัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

ละม้ายคล้ายกัน - - ระหว่าง 7 ปีที่ถูกกดทับ - - สังคมไทยที่ถูกปลดปล่อยหลังยุคเผด็จการนักเลือกตั้ง 6 ปีบวกด้วยเผด็จการรัฐประหาร อีก 1 ปี ..เปลี่ยนแปลงไปสิ้นเชิง โดยเฉพาะวัฒนธรรม-ค่านิยม-บรรทัดฐาน ในทางการเมือง

การเมืองไทย กำลังผ่านจากยุคหย่อนบัตร 4 วินาที ชาวบ้านรู้จักแค่ ส.ส.ในพื้นที่ ได้ตำแหน่งแล้วจะไปขายตัว-รวมหัว-ปล้นแผ่นดินกันในสภาฯ ก็เรื่องของมัน .. กำลังก้าวข้ามไปสู่การเมืองที่ชาวบ้านในแต่ละชนชั้นคาดหวังกับนโยบายสาธารณะที่จับต้องได้ เห็นผลเร็ว เป็นมาตรฐานที่ทุกพรรคทุกกลุ่มรับรู้และพยายามเข้าถึง...ไม่เพียงเท่านั้นยังมีมาตรฐานการตรวจสอบ เหนี่ยวรั้ง และ ดุลการใช้อำนาจที่เข้มข้นขึ้นอย่างชัดเจน และที่สำคัญนี่เป็นยุคที่การเมืองภาคพลเมืองกำลังจะเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในโครงสร้างการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้

........................

กระบวนการควบรวมของพรรคการเมือง ยังมีกระแสข่าวของความไม่นิ่ง-ไม่ลงตัว อันเนื่องจากการต่อรองภายใน เช่น ตำแหน่ง-อำนาจ-พื้นที่ทับซ้อน ฯลฯ ...

หากผู้เล่นยังไม่หลุดจากวงจรและกรอบคิดว่าด้วยผลประโยชน์ของตัวเอง เช่น การรักษาพื้นที่-คงปริมาณส.ส. เพื่อไปต่อรองในสภา..ต่อรองเรื่องตำแหน่งในพรรค ฯลฯ เห็นทีจะลำบาก

อย่าได้ดูเบาความคาดหวังของประชาชน และบรรทัดฐานการเมืองใหม่ ... พรรคการเมืองต้องแสดงจุดยืน และ ความชัดเจน ในประเด็นปัญหาต่าง ๆ .. ไม่ใช่แสดงอาการเหยียบเรือสองแคม พูดกำกวมแบบกว้าง ๆ เอาสะดวกกับตัวเข้าว่า เช่นบอกว่า พร้อมร่วมทุกพรรค ร่วมนโยบายกับทุกพรรคได้ จุดยืนคือ พร้อมผสมพันธุ์ได้หมดไม่ว่าเป็นสปีชี่ส์ไหน .. แบบนี้แหละที่จะนำไปสู่ปัญหา

ความชัดเจน-จุดยืนทางนโยบาย ไม่ใช่เฉพาะ แกนนำหรือหัวหน้าเท่านั้น กติกาใหม่อนุญาต ส.ส. สามารถยกสวนมติพรรคได้ เพราะถือว่า ส.ส. และ ส.ว. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ ( ม.117) ส.ส.มีอิสระจากมติพรรคการเมือง ในการตั้งกระทู้ถาม การอภิปราย และการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ม.158) นัยว่าเพื่อ ป้องกันนายทุนหัวหน้าพรรคล็อกมือส.ส.ให้เป็นทาส แต่ในทางกลับกัน นี่ยังเป็นการ..

เปิดช่องให้ผู้ทรงเกียรติ แปลงร่างเป็น งูเห่า ได้ตลอดเวลา !!!

ดังนั้นการควบรวมโดยเอาผลประโยชน์ตนเข้าว่าแบบนี้แหละที่จะทำให้การเมืองหลังเลือกตั้งเป็นรัฐบาลผสมขาดเสถียรภาพ พิจารณางบประมาณกันทีก็ออกฤทธิ์ยกมือสวนกันที หรือแม้แต่เรื่องของอำนาจบางอำนาจหยิบยื่นปัจจัยสั่งให้ทำสวนมติพรรค ฯลฯ

การควบรวมที่ต่างฝ่ายต่างมา มีแค่บางคนที่ประกาศจุดยืนชัด ที่เหลือกั๊ก ๆ แอบ ๆ พูดกว้าง ๆ หาช่องถอยตลอดเวลาแบบนี้ ไม่รู้จะควบกันไปทำไม ..เพราะได้ประโยชน์เฉพาะตน.. ประชาชนไม่ได้ประโยชน์

การควบรวมจะต้องร่วมอยู่บนอุดมการณ์เดียวกัน ที่สำคัญที่สุดตัวของ ผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็น ผู้แทนของปวงชนชาวไทย(ไม่ใช่ประชาชนในเขต) ก็จะต้อง ประกาศจุดยืนเฉพาะตน ต่อสาธารณะให้ชัดเจนด้วย มิใช่แค่หัวหน้าหรือแกนนำ

ป้องกันเหตุ ยกมือสวนโดยอ้างประชาชนในเขตเรียกร้อง แล้วก็เดินออกจากพรรคน่าตาเฉย แบบนี้จะได้มีหลักฐานประจักษ์พยานคำแถลง อย่างน้อยเพื่อเป็นวัคซีนแก้โรคงูเห่า หรือโรคแย่งงบประมาณเอาไว้ชั้นหนึ่งก่อน

สันดานนักเลือกตั้งไม่อยากสัญญามัดมือตัวเองให้ประชาชนเช็คบิลทีหลังหรอก มีแต่ต้องง้างปากให้พูดเพียงสถานเดียว

คนบางจำพวกเหมาะกับสุราจับกรอกเท่านั้น !!!

....................................

คอลัมน์นี้ผิดอย่างจังเบอร์โดยไม่มีข้อแก้ตัว ที่เคยกล่าวถึง เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ว่า เปิดตูดหนีการเมืองไปทำมูลนิธิส่วนตัว .. หน้าตาซื่อ ๆ ใส ๆ แบบนี้ไม่น่าหลอกกันเลย.. เนื่องเพราะมีข้อมูลยืนยันจากที่ราบสูง เจ๊หน่อย กำลังเดินเกมใต้ดิน ช่วย พปช.สร้างป้อมค่าย และที่น่าจับตาที่สุดคือ สนามโคราช ที่มั่นของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ

มีผู้พบเห็น เจ๊หน่อย เดินทางมาจับเข่าคุย กับเจ้าแม่เดินรถ “เจ๊เกียว” สุจินดา เชิดชัย ด้วยตัวเอง เพื่อร่วมมือประสานพลังทางการเมืองกัน อย่าลืมว่า “เจ๊หน่อย” เป็นหลานย่าโม - “สมพล เกยุราพันธุ์” เคยเป็น อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย และหลายคนคงลืมไปแล้วว่า ตระกูล “เชิดชัย” กับ “เกยุราพันธุ์” นั้น มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่ก่อนเก่า เพราะ เคยร่วมทำธุรกิจเดินรถมาด้วยกัน

ไม่ใช่เรื่องง่ายของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพราะกำลังเจอศึกกระหนาบจาก 3 ทัพรุมตี อยู่เวลานี้

ศึกแรก - เจ๊เกียว มีฐานเทศบาลฯ หนาแน่นเพราะ เป็นหัวหน้าเงาของ “กลุ่มประสานมิตร” ตัวจริงเสียงจริงยึดครองบริหารเทศบาลนครโคราชยาวนานกว่า 20 ปี และเป็นฐานเสียงสำคัญให้กับ “พรรคชาติพัฒนา” มาโดยตลอด เมื่อหมด น้าชาติ ก็ย้ายไปอยู่ ทรท. ก่อนหน้า สุวัจน์ เสียอีก...

เจ๊เกียว เพิ่งมาแตกคอ กับ “สุวัจน์” ในยุค ทรท.ครองเมืองนี้เอง กลุ่มโคราชชาติพัฒนา ที่ชนะเลือกตั้งสนามเล็กเมื่อ 3 ปีก่อนเป็นเพราะคนสงสารที่พรรคชาติพัฒนาถูกบี้จากไทยรักไทย จึงเทคะแนนให้

มองออกไปเลยเขตตัวเมือง ทั้งตอนเหนือมี จำลอง ครุฑขุนทด ปักหลักขวาง ทางใต้มี ไพโรจน์ สุวรรณฉวี บีบอยู่..วัดจากคะแนนประชามติเลยเขตเมืองออกไปแดงมากกว่าเขียว

ศึกด้านที่ 2 “พรรคเพื่อแผ่นดิน” และ “กร ทัพพะรังสี” พร้อมกับมีกลุ่ม อดีต ส.ส. ทรท. เดินตามหลัง เช่น นายพงษ์พิช รุ่งเป้า .. “หลานกร” ดึงอดีตส.ส.ที่ใกล้ชิด ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ แถบ อ.พิมาย ,ประทาย ,ชุมพวง ,แก้งสนามนาง เช่น สมศักดิ์ โสมกลาง ประชาธิปไตย คำสิงห์นอก กลับคืนเข้าร่วมสังกัด

ศึกด้านที่ 3 “พรรคประชาธิปัตย์” การเปิดไพ่ใบใหม่ ว่าที่จอมทัพอีสาน “ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” และคณะอดีต ส.ว.น้ำดี กลับสร้างความสั่นสะเทือนในสนามเลือกตั้งภาคอีสานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

โดยเฉพาะต่อกลุ่ม “สุวัจน์” ที่มีฐานหลักอยู่ในเขตเมืองต้องรับผลพวงไปเต็ม ๆ .. ทายาทคนเดียวของ “น้าชาติ” ผู้ฝากผลงานไว้กับเมืองโคราชอย่างมหาศาล ซึ่งแม้แต่ “สุวัจน์” เองจนถึงวันนี้ยังหยิบยกมาใช้อวดอ้างเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะทุกครั้งที่ถึงคราอับจนทางการเมืองหรือถูกลอยแพ มักจะงัด กระบวนท่าไม้ตาย ประกาศสานต่อเจตนารมณ์ “น้าชาติ” และพรรคชาติพัฒนา ขึ้นมาใช้ทุกครั้งไป

โคราชนั้นสีเขียวก็จริง แต่ไม่ได้เป็นเขียวสุวัจน์โดด ๆ หากยังเป็น เขียวลูกโต้ง เขียวหลานกร ด้วย

การรวมกลุ่มของรวมใจไทยชาติพัฒนา ที่หลายคนมองว่า มีฐาน “ของตาย” ในมือ จากสนามโคราช - - ขอให้คิดดี ๆ คำว่า “ของตาย” นั้นตีความได้ทั้งสองด้าน .. การ มุ่งรักษายี่ห้อชาติพัฒนาในระหว่างการต่อรอง ควบรวมก่อนหน้าไม่ว่ากับกลุ่มไหน บ่งบอกความยากลำบากของสุวัจน์ เพราะ หากขาดยี่ห้อนี้ ...สนามโคราชจะยิ่งสาหัสกว่าที่เป็นอยู่

สุวัจน์ มองออก เจ๊หน่อย ก็มีหรือจะมองไม่ออก..เลือกตั้งรอบนี้หากินในเมืองกรุงฯ มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง สู้หนีไปสร้างผลงานในอีสานน่าจะรุ่งกว่า !

..............................
กำลังโหลดความคิดเห็น