“สนธิ ลิ้มฯ” ชี้ “สนธิ บัง” เข้าสุภาษิต “เสร็จนาฆ่าโคถึกฯ” หวังสืบทอดอำนาจ ผ่านการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. เชื่อที่แท้เสนอชื่อ “มนตรี” แต่ปล่อยข่าวเป็น “อนุพงษ์” สร้างความสับสน ส่อชัดรัฐประหาร 19 ก.ย.เพื่อตัวเอง พร้อมแฉ รมต.ยุคขิงแก่โกงกินไม่แพ้ยุค “แม้ว” เมียนายพลเที่ยวเดินเก็บเงินไปทั่ว อัดยับ “หน้าหนา” ไปขอผลงาน คตส.มาเป็นผลงาน 1 ปีปฏิวัติของตัวเอง
วันนี้ (14 ก.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี กลับมาดำเนินรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ทางเอเอสทีวี ตามปกติ หลังจากเดินทางไปปราศรัยสัญจรใน 5 เมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกา คือ วอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ลาสเวกัส และซานฟรานซิสโก เป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์
นายสนธิได้หยิบยกกรณีที่ ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี ตำจรวจ สภ.อ.เมือง ยโสธร ที่ถูกลูกน้องของนายก อบจ.ยโยสร ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลและเป็นคนของพรรคไทยรักไทย เตะสลบบนโรงพักต่อหน้าผู้บังคับบัญชา สะท้อนให้เห็นว่าตำรวจที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของลูกน้องทักษิณนั้นยังคงเหิมเกริม แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยู่แล้ว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เวลานี้คนในระบอบทักษิณกลัวอยู่ 3 อย่าง คือ 1.กลัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี 2.กลัว พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นผู้บัญชาการทหารบก และ 3.กลัวเอเอสทีวี เป็นฟรีทีวี
“3 ประการนี้ คือ 3 ประการที่สามารถจะหยุดระบอบทักษิณ และสามารถจะฟื้นฟูประเทศไทย เอาประเทศไทยของเรากลับคืนมา เป็นของเราเสียที ประเทศไทยที่ควรจะเป็น ประเทศไทยที่มีคุณธรรม ประเทศไทยที่มีจริยธรรม ประเทศไทยที่มีศีลธรรม และประเทศไทยเป็นประเทศที่ให้สิทธิเท่าเทียมกัน ให้คนดีสามารถยืนอยู่ได้บนสังคม ให้คนที่มีทุนน้อยไม่มีสิทธิที่จะถูกรังแกจากคนที่มีทุนใหญ่ ให้การศึกษาของคนไทยนั้นเข้มแข็ง” นายสนธิกล่าว
หลังจากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึงกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้ขอผลงานจาก คตส.เพื่อนำไปแถลงครบรอบ 1 ปีของการยึดอำนาจว่า การทำเช่นนี้ คมช.เหมือนกับคนหน้าหนาใจดำ เพราะตั้งแต่แรก คมช.ไม่ต้องการตั้ง คตส.แต่ตั้งขึ้นมาเพราะทนแรงกดดันไม่ได้จากการยื่นคำขาดของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ให้เปลี่ยนตัวประธาน และในการทำงานของ คตส.ไม่เคยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย แต่ต้องทำงานด้วยตัวเอง จนกระทั่งได้มีการค้นพบ จับ เสนอฟ้องศาล พ.ต.ท.ทักษิณและภรรยา และหลายๆ คดี วันนี้ คมช.กลับมาบอกว่าจะเอาผลงาน คตส.มาแสดงว่าเป็นผลงาน คมช.
นายสนธิยังได้ตำหนิกรณีที่ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก เดินทางไปอังกฤษ ในช่วงที่จะมีการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่สมควร ไม่เหมาะสม เหมือนกับเวลานี้มีหลายคนเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อย่างเช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่กำลังเดินทางไป และเตือนว่าเวลานี้ใครจะทำอะไรสังคมรู้ถึงกันหมด
นายสนธิยังกล่าวถึงการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่ว่า เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงการไม่มีภาวะผู้นำของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งจริงๆ แล้ว พล.อ.สนธิต้องการจะแต่งตั้ง พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบกขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ทั้งที่เคยครองยศพลโทแค่ 6 เดือน แต่ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.สนธิ ให้เป็นพลเอก และเพื่อวางตัวให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.สืบต่อจาก พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.สนธิเอง แต่ถูกทักท้วงจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่าต้องกแต่งตั้งคนใน 5 เสือ ทบ.เท่านั้น จึงเปลี่ยนมาเป็น พล.อ.มนตรี ซึ่งก็เป็นลูกน้องคนสนิทของพล.อ.สนธิ
“วันนี้ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้กับท่าน พูดกันอย่างเพื่อนกับเพื่อน ซึ่งผมไม่รู้ว่าท่านยังเคารพนับถือผมเป็นเพื่อนอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า ท่านยังจำคำพูดที่ท่านพูดกับผมได้ไหม ว่าถ้าไม่มีสนธิลิ้ม ก็ไม่มีสนธิบัง ท่านยังจำได้ไหมท่านพูดกับผมตัวต่อตัว ท่านจับเข่าผม ท่านบอกว่า เรา 2 สนธินั้นต้องร่วมมือกัน ถ้าไม่ร่วมมือกันแล้ว ทักษิณกลับมา เรา 2 สนธิจะลำบาก
เรื่องลำบากนั้นผมไม่เคยกลัว ผมโชคร้ายกว่าท่านเพราะว่าผมไม่มียศพลเอกมาปกป้องตัวผม อย่างน้อยท่านก็ยังมีลูกน้องเก่าๆ ท่าน ยังมีทหารป่าหวาย ศูนย์สงครามพิเศษ ผมก็มีลูกน้องเหมือนกัน ใส่แว่น ตัวผอมแห้ง ถือกล้อง ปืนยังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไง แต่พวกผมใช้ธรรมนำหน้า พวกผมไม่กลัว”
“พอท่านยึดอำนาจ ผมก็แอบดีใจไม่ได้ แต่จากวันนั้นมา พฤติกรรมของท่านมาตลอดจนกระทั่งวันนี้ ทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ และผมก็เป็นคนแรกที่พูดออกมาว่า จริงหรือเปล่าที่ท่านยึดอำนาจวันที่ 19 นั้น ท่านไม่ได้ยึดเพื่อส่วนรวม แต่ท่านจะยึดเพื่อผลประโยชน์ของท่านเอง เพราะว่าถ้าท่านไม่ยึดอำนาจ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาแล้ว เขาก็ปลดท่านออกจากผู้บัญชาการทหารบก”
นายสนธิ กล่าวว่า แม้ พล.อ.สนธิจะไม่แต่งตั้ง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าเป็นสิทธิ และพล.อ.สพรั่งไม่ใช่คนของพันธมิตรฯ แต่เป็นคนที่ประชาชนให้การสนับสนุน อีกทั้งเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด หรือถ้าตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็ถือว่าเหมือนกับ พล.อ.สพรั่ง เพราะเป็นเพื่อนร่วมรบ แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล กลับเอาแต่พวกพ้อง เอาแต่รุ่นของตัวเอง
สาเหตุที่เดิมต้องการตั้ง พล.อ.วินัย และพล.อ.มนตรี เพราะต้องการสืบทอดอำนาจให้กับตัวเอง ทำให้เวลานี้ทำให้ทหารส่วนใหญ่ไม่พอใจท่าน แถมยังมีการปล่อยข่าวสร้างความสับสนว่าตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ แต่จริงๆ เสนอ พล.อ.มนตรีเข้ามา เวลานี้พล.อ.สนธิกำลังทำให้ทหารวุ่นวายยิ่งกว่ายุคทักษิณเสียอีก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าฟ้าย่อมมีตาเสมอ
นายสนธิ ยังตั้งคำถามว่า พล.อ.สนธิได้ส่งคนไปแตะมือกับบางพรรคและบางกลุ่มการเมืองหรือไม่ ทำให้คนของทักษิณถึงกับพูดว่า ถ้าพล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก หลังวันที่ 30 ก.ย.นี้ทหารจะเป็นของเรา จึงไม่รู้ว่าพล.อ.สนธิสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือเปล่า
นายสนธิยังเตือนว่า อีกไม่กี่วัน พล.อ.สนธิก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ก่อนที่จะสายเกินไป สักวันหนึ่งอาจต้องมาพูดว่า “ถ้ารู้อย่างนี้ จะไม่....” พร้อมทั้งแฉว่าเวลานี้ยังเกิดการคอร์รัปชันกันอย่างมโหฬารไม่แพ้ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ โดยยกตัวอย่างกรณีการซื้อเครื่องบินการบินไทย ที่มี พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข นายทหารรุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ เป็นประธานบอร์ด นอกจากนี้ มีการพูดกันว่าภรรยาของนายทหารยศพลเอกคนหนึ่งเที่ยวเดินสายเก็บเงิน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่มันก็ไม่ต่างจากยุคทักษิณ คนที่เคยจ่ายให้ทักษิณ ก็มาจ่ายให้เมียนายพลแทน
“ที่ผมจำเป็นต้องพูดในเรื่องของการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ครั้งนี้ เพราะว่าการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ครั้งนี้มันสะท้อนถึงความไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของท่าน ท่านมีเวลา 19 กันยาฯ จนกระทั่งถึง 30 กันยาฯ 19 กันยายน 2549 - 30 กันยายน 2550 ท่านมีเวลา 1 ปี สองเดือนสุดท้ายท่านต้องรู้ว่าท่านจะเอาใคร
“คนที่นักเลงจริง คนที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นก็ต้องเรียกทุกคนมาคุยทีละคน บอกเลยงานนี้พี่ให้พรั่งนะ พี่ให้ป๊อกนะ ป๊อกเป็นแล้วกัน พี่ว่าป๊อกเหมาะที่สุด เพราะป๊อกอยู่ 3 ปี การพัฒนากองทัพได้ต่อเนื่อง พี่ให้พรั่งเป็น 1 ปี เหตุผลก็เพราะว่าช่วงนี้การเมืองจะไม่นิ่ง ความวุ่นวายทางการเมืองจะสูง ถ้าพรั่งเข้าไปนั่งแล้ว มันจะทำทุกอย่างสงบได้ เมื่อมันสงบแล้ว ป๊อกเป็นต่อไปนะ ท่านทำไม่ได้หรือ ท่านทำไม่ได้เพราะท่านคิดจะตั้งมนตรี สังขทรัพย์ ท่านเลยต้องอ้ำอึ้งไงล่ะ ก็เพราะว่าท่านต้องการจะสืบทอดอำนาจท่านไง” นายสนธิ กล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )