xs
xsm
sm
md
lg

วิญญาณ กระสือ อาฆาต (ตอนงานบุญของ พายัพ ชินวัตร)

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

พายัพ ชินวัตร(ขวาสุด) ร่วมต้อนรับ สมัคร สุนทรเวช เมื่อเดินทางไปที่ทำการพรรคพลังประชาชนวันแรก 14 ส.ค.50
หากเป็นไปตามที่เกจิว่าไว้.. ทักษิณ ชินวัตร ตายจากทางการเมืองไปแล้ว.. เมื่อเป็นเช่นนั้นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใด ๆ ก็ดี ต้องแสดงผ่านร่างทรง หรือเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า นอมินี ..

พรรคพลังประชาชน ได้หัวหน้าพรรคใหม่หลังปาหี่โต้วาที

ด้วยเพราะการต่อรองระหว่าง เจ้าของเดิมกับผู้มาใหม่ได้จบลงก่อนหน้าเรียบร้อย

มองผาด ๆ เหมือนราบรื่นดี พร้อมเดินหน้าลุย ไม่เหมือนกับบรรดาพรรคตาอยู่ขั้วที่สามที่ยังอยู่ระหว่างเกมต่อรอง-รอสัญญาณ รวมถึงหัวข้อว่าด้วยบัญชีส.ส.ภาค และปัจจัยลงหุ้นกองกลาง

ตระกูลเทียนแก้ว ได้ตำแหน่งกรรมการบริหารล็อตแรกไป 7 คน แต่ที่ยังไม่ได้เป็นข่าวคือส่วนของ โควต้า ส.ส. บัญชีภาค โดยสรุปการแลกเปลี่ยนเซ้งพรรครอบนี้ เจ้าของเดิม จะได้ตำแหน่ง 10 ที่นั่งบวกลบ

วันโต้วาที พ.ต.ท.กานต์ ได้เชิญที่ปรึกษา 2 คือ พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน อดีต ส.ว.เชียงรายรุ่นแรก ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และ พล.ท.ปราโมทย์ อนันตธีระ จปร. 12 ร่วมรุ่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง เข้าร่วม ...ซึ่งไม่มีอะไรมากนอกจากเชิญลูกพี่เก่ามาเพื่อทำให้โต๊ะต่อรองหนักขึ้น โดยที่ตกลงกันแล้วว่า จะให้ พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน ลงบัญชีส.ส.ภาคพื้นที่พิษณุโลก (โควตา พปช.เดิม)เพราะเคยทำงานในพื้นที่นี้มาก่อน

พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว นายตำรวจผู้พิสมัยการเมือง เคยถูกตั้งกรรมการสอบจนต้องลาออกจากราชการ เคยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด-เป็นบุคคลล้มละลาย (2547-2548) กำลังจะได้ดิบได้ดี เป็นส.ส.ก็คราวนี้

แต่ที่ยังไม่จบคือการต่อรองภายในกับส่วนที่เหลือซึ่งกระเพื่อมผ่านการแสดงออกของ ปองพล อดิเรกสาร .. แต่นั่นยังไม่ใช่บทสรุปจนกว่าจะมีรายชื่อสุดท้ายอยู่ในบัญชีรายชื่อก่อนเส้นตาย..และอาจมีการไหลรอบสุดท้ายครั้งใหญ่หลังการเคลื่อนไหวของขั้วที่สามซึ่งแนวโน้มเริ่มชัด “ผู้ใหญ่” ต้องการให้กวาดรวมเป็นพรรคใหญ่สถานเดียว

และที่น่าเป็นห่วงระดับที่แกนนำแถวสองออกอาการ..คือการไปยอมรับดื้อ ๆ ว่าเป็นนอมินี อันสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย

วิญญาณของผู้เสียชีวิตทางการเมืองจะเฮี้ยนจริงหรือไม่ ? ให้เลิกสนใจผลโหวตประชามติและหันมาดูยอดบัญชีนักเลือกตั้งสุดท้าย-ซึ่งเวลานี้ก็ใช่ว่าจะนิ่งเสียทีเดียว !

..........................

การเลือกตั้งครั้งนี้ จะคล้ายกับปี 2544 ที่แต่ละฝ่ายจะแอบใช้งานบรรดาข้าราชการตามแต่ใครจะมีเส้นสายกับใคร ตรวจสอบข่าวย้อนหลังดูเถิด ทุกพรรคมีร้องเรียนอีกฝ่ายเรื่องข้าราชการกันถ้วนหน้า

ไม่เหมือนกับปี 2548-2549 ที่ พรรคใหญ่กุมหมด ข้าราชการรู้ผลเลือกตั้งล่วงหน้า ไม่มีใครกล้าช่วยฝ่ายค้าน เพื่อการอยู่รอดและเติบโตของตนเอง

รอบนี้ แนวโน้มต่างฝ่ายต่างใช้กลไกรัฐย้อนกลับรอยเดิม แม้ไม่โจ๋งครึ่มขนาด มีปลัดกระทรวงเดินตามขบวนหาเสียง ผู้ว่าฯ -รองผู้ว่าฯ คอยโบกรถ เปิดศาลากลางเป็นที่บัญชาการหัวคะแนน .. แต่ก็จะมีการ “แอบใช้” กันอย่างเงียบ ๆ ..

อย่างเครือข่ายที่เรียกกันว่า “เกษตรอาสา” ซึ่งมาจากไอเดียเริ่ดเก๋ ของ สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ส่งคนลงหมู่บ้านช่วยการเกษตรกรทำนองเดียวกับ อสม. นั้นมีอานุภาพไม่ยิ่งหย่อนกว่า พัฒนากร-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเลย

ระดับนายอำเภอบางคนส่ายหัวยอมรับบล็อกยากจริง ๆ เห็นฤทธิ์มาแล้วตอนประชามติ

การโยกย้ายมหาดไทยรอบนี้จึงเน้นไปที่ กรมการปกครอง และ พัฒนาชุมชนนั่นไง !!

กระสือ นั้นกลางวันเป็นคนธรรมดา จะรู้อีกทีก็ต่อเมื่อถอดหัว ลอยลิ่ว ๆ ไปเสพอาจมของเหม็น

แต่ก็นั่นเอง ผี ย่อมเห็น ผี ด้วยกัน... ใช่ว่าจะหาตัวไม่ได้..นักเลือกตั้งด้วยกัน รู้วิธีปราบผีกันดีพอสมควร...เพราะรอบนี้เป็น ผีธรรมดา ไม่เฮี้ยนเหมือนปี 2548-49 ที่ปลัดกระทรวงผีนำทีมอาละวาดเอง...ซึ่งนั่นจัดเป็นมหกรรมป่าช้าแตก ที่นาน ๆ เกิดครั้ง

เครือข่ายกระสือที่พร้อมจะสำแดงร่างเป็นอีแอบ ยังคงอยู่เต็มพื้นที่ โดยเฉพาะพวกแถวสอง แม้นาย ซี.9 ซี.10 ถูกโยกไปแล้ว แต่ทว่าบุญคุณสายสัมพันธ์ที่อำนาจเก่าหว่านไว้ยังคงอยู่ผ่านพวกแถวสองรองลงมาเหล่านี้เหมือนเดิม

...............

วันเลือกตั้งงวดมา ผลประชามติแดงโร่ รัฐบาลเกียร์ว่างขี่เต่าชมดอกไม้ คมช.เอาไงก็ไม่รู้ ... วังเวงเหลือเกินประเทศนี้

หนำซ้ำในความวังเวง..ยังแถมความน่าขนพองเข้าไปอีก เมื่อย้อนนึกถึงวาทะแห่งปี ของ พายัพ ชินวัตร ที่ลั่นเอาไว้อย่างครึกโครม ว่า....

“ทุกวันนี้ไปไหนผมไม่กล้าตดเลย เพราะกลัว คมช.จะแจ้งจับในข้อหาทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ แต่ผมไม่เคยกลัวหรอก แม้แต่ความตายยังไม่กลัวเลย สิ่งที่ทำกับผม ผมไม่โกรธ แต่ผมจะจำไปชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าเอาคืนได้ผมจะเอาคืนกับพ่อแม่มัน กับพี่น้องมัน กับลูกมัน เอาคืนทั้งโคตรเลย แต่ผมจะเอาคืนด้วยความยุติธรรม เอาคืนด้วยหลักฐาน เอาคืนด้วยเหตุผล ไม่ใช่มากล่าวหาโดยเลื่อนลอย”

หากปล่อยอีหรอบนี้-ไปตามยถากรรม เป็นไปได้สูงที่พรรคเหล้าเก่าขวดใหม่จะได้เสียงข้างมาก .. ไม่อยากคิดเลยว่า-ยุทธการเอาคืนทั้งโคตรจะดุเด็ดเผ็ดมันขนาดไหน

แต่หากมองด้วยความเป็นธรรม พายัพ ชินวัตร อาจจะพูดด้วยความกดดัน ทำดุเดือดไปงั้น จึงอยากให้พิจารณา พายัพ ชินวัตร ในอีกแง่มุมหนึ่งประกอบกัน

หลังจากที่ เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ยกพื้นที่เขต 2 เชียงใหม่ ส่งมอบตำแหน่งให้ ..พายัพ ชินวัตร เป็นส.ส.เขตนี้ต่อในปี 2548 พายัพ ก็เริ่มบทใจบุญทันที..ได้ให้บุคคลไปขอจดทะเบียน

“มูลนิธิ พายัพ ชินวัตร”

มูลนิธิดังกล่าวตั้งเมื่อ 9 พฤษภาคม 2548 ที่เชียงใหม่ หลังชนะเลือกตั้งไม่นาน ..มีวัตถุประสงค์เพื่อทำสาธารณะประโยชน์ทั่วไป ทั้งอุปการะรักษาคนป่วย ช่วยคนตาย ช่วยผู้ประสบภัย แจกจ่ายสิ่งของ ฯลฯ แบบครบวงจร และเขียนต่อท้ายวัตถุประสงค์ ว่า .. “ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด”

ดังนั้นใครเดือดร้อน ใครตาย ใครป่วย แจกจ่ายของ ใครแบมือขอมาอย่างไร เอื้ออาทรเต็มที่ล้วนแต่เป็นการกุศลทั้งสิ้น

มีคณะกรรมการ 7 คน หนึ่งในนั้นเป็นเลขานุการซึ่งส่งมาจากเจ้าหน้าที่สาขาพรรค ส่วนที่เหลือ เป็นข้าราชการใหญ่ในภาคเหนือ-นักธุรกิจ-เพื่อนเก่าทั้งสิ้น ประกอบด้วย

ธานินทร์ สุภาแสน ประธานกรรมการ – ปัจจุบันดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดลำปาง ก่อนนี้ เคยเป็นนายอำเภอสารภี พื้นที่หลักของเขต 2 ที่ทำงานรู้ใจคนโตวังบัวบาน และ พายัพ อย่างดี จนได้รับการผลักดันเป็นนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ และได้รับแต่งตั้งขึ้นซี.9เป็น ปลัดจังหวัดเมื่อ 18 ก.ย.2549 ก่อนรัฐประหารเพียง 1 วัน

พิเชษฐ พิศุทธกุล รองประธาน – เป็นนักธุรกิจด้วยเทเลคอม ในจังหวัดเชียงใหม่ สายสัมพันธ์มงฟอร์ต ร่วมรุ่น

คณิต เอี่ยมระหงส์ กรรมการ - ผ.อ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ลำปาง โอนย้ายจากนายอำเภอ ครั้งปฎิรูประบบราชการ .. เป็นคนใกล้ชิดของอดีตอธิบดีกรมนี้ที่เคยเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่มาก่อน ต่อมาเมื่อเกษียณก็ได้เป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทยในรัฐบาลทักษิณ

พ.ต.อ.บัญชา-นาง อัจฉรา เศรษฐกร กรรมการ/เหรัญญิก – ผกก.ศฝร.ภ. 5 / อดีตนักยิงปืนทีมชาติ เป็นศิษย์เก่าดีเด่นมงฟอร์ต - ร่วมรุ่นเช่นกัน ขณะที่ภรรยาดูแลงานการเงิน

วีรชาติ เขื่อนรัตน์ กรรมการ - ผู้อำนวยการส่วนศึกษาและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ที่มักจะเห็นหน้าตามอดีตส.ส.บ่อยครั้ง

....................

ขอเสนอคำแนะนำฝากถึง พายัพ ชินวัตร ประโยคที่ว่า“จะเอาคืนทั้งโคตรฯ” นั้นจะทำให้ภาพพจน์ติดออกในทางโหด ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเจ้าตัว.. น่าจะปรับลุคใหม่เสนอภาพบวกหักลบกับภาพลักษณ์อาฆาตแค้น ..สู้มาแถลงเรื่องดี ๆ ว่ามูลนิธินี้ได้ทำอะไรไปบ้างแล้วไม่ดีกว่าหรือ..?

>> ตอนเป็นส.ส.แจกเท่าไหร่ ?
>> ล่าสุดก่อนประชามติยังแจกหรือไม่?
>> ปลายปีนี้จะมีแจกต่อหรือไม่ ?
>> แล้วจะมีเงินงวดใหม่ส่งมาทำบุญอีก เมื่อไหร่ – โอนมาจากไหน ?
>> หรือว่าเลิกกิจการมูลนิธิไปแล้ว..ฯลฯ !!??

แต่หาก พายัพ ชินวัตร ไม่ว่างมาแถลง น่าที่ผู้สนใจจะสอบถามไปยัง กรรมการมูลนิธิ ที่ล้วนแต่เป็นข้าราชการระดับสูง มี ตำแหน่งสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และสนิทสนมกับพายัพอย่างดี คงได้รายละเอียดไม่แพ้กัน

งานการกุศลเป็นเรื่องดี ไม่มีฝักฝ่าย .. ถ้าจะทำอะไรน่าประกาศบอกบุญล่วงหน้า เผื่อ ชาวบ้านชาวช่อง หรือแม้แต่ รัฐบาล-คมช. ที่อยากร่วมทำบุญด้วย..จะได้ไปร่วมอนุโมทนา !

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า..คงจะได้บุญกุศลกันถ้วนหน้าทุกทั่วตัวคน - - สาธุ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น