อนุฯพิสูจน์เพิกถอนอายัด พบพิรุธ “ไทยคม” แจงบัญชี 200 ล้าน ไม่เคลียร์ “พารณ” อ้าง “ตระกูลชิน” บริจาคเงินต่อเนื่อง ก่อนโยกเงินเข้ามูลนิธิในรูปแบบเช็คเงินสด มาวางบนโต๊ะ หลัง คตส.มีคำสั่งอายัด
วันนี้ (16 ส.ค.) คณะอนุกรรมการพิจารณาคำร้องการพิสูจน์ทรัพย์เพื่อเพิกถอนการอายัด ที่มีนายอำนวย ธันธรา คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธานได้เรียก นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองประธานกรรมการมูลนิธิไทยคม เข้าชี้แจงเพื่อขอพิสูจน์จำนวน 200 ล้านบาท ที่ คตส.ได้มีมติอายัดทรัพย์ไปในบัญชีเงินฝากชื่อมูลนิธิไทยคม ตั้งแต่เวลา 09.30 น.จนถึงเวลา 17.30 น.โดยใช้เวลาร่วม 8 ชั่วโมง ในการชี้แจง
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการ เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ในที่ประชุมอนุกรรมการได้ซักถามนายพารณ และตัวแทนมูลนิธิไทยคมถึงการบริหารงานของมูลนิธิในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งที่มาของเงินจำนวน 200 ล้านบาท ที่ คตส.ได้อายัดไว้ โดยนายพารณได้กล่าวในที่ประชุมว่า เงินดังกล่าวได้มาจากการบริจาคของ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซึ่งเป็นเงินที่มาจากการกิจการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกองทุนเทมาเส็ก ซึ่งเงินดังกล่าวได้เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2550 ภายหลังจากที่ คตส.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์ในวันที่ 11 มิถุนายน 2550
อย่างไรก็ตาม เมื่ออนุกรรมการได้สอบถามถึงรูปแบบของการบริจาคเงิน ปรากฏว่า ตัวแทนมูลนิธิไทยคม อ้างว่า เงิน 200 ล้านบาท มาในรูปแบบของแคชเชียร์เช็คที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ไม่ใช่การโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก พร้อมระบุว่า ครอบครัวชินวัตรได้มีการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิไทยคมมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด แต่ยอมรับว่า ไม่ทราบว่าเงินที่ครอบครัวชินวัตรมาบริจาคให้นั้นมาจากแหล่งใดบ้าง และไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดว่า น.ส.พิณทองทา ได้เคยบริจาคเงินให้กับมูลนิธิไทยคมเป็นประจำก่อนที่จะมีการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป หรือไม่ ซึ่ง น.ส.พิณทองทา ได้เข้ามาเป็นกรรมการมูลนิธิไทยคมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549
ทั้งนี้ อนุกรรมการส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า การอายัดเงินของมูลนิธิไทยคมจำนวน 200 ล้านบาทไม่ส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิไทยคมแน่นอน เพราะพบว่ามูลนิธิไทยคมมีเงินมากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งทางตัวแทนของมูลนิธิไทยคมที่มาชี้แจงก็ไม่ได้แสดงความประสงค์ให้อนุกรรมการเร่งรัดการพิจารณาเพิกถอนอายัดเงินในส่วนนี้ให้รวดเร็วแต่ประการใด
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมการได้นัดตัวแทนของมูลนิธิไทยคมที่เป็นเจ้าหน้าที่การเงินมาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 31 สิงหาคมอีกครั้ง หลังจากที่มูลนิธิไทยคมได้ระบุมาในคำร้องต่อคตส.ว่าจะมีพยานมาชี้แจง 4 ปาก