“ลิ่วล้อไทยรักไทย” รับงานป่วนกันเพลินจนเกือบลืมว่าถ้าคว่ำร่าง รธน.ปี 50 สำเร็จแล้ว คมช.นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้จริงก็ถึงคราวยุ่งแน่เพราะติดล็อกสังกัดพรรค 90 วัน ล่าสุดมีมติตาลีตาเหลือกรีบยกขบวนไปเซ้งพรรคเล็กๆ เข้าสังกัดขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ขณะเดียวกัน ทาบทาม “หมัก” นั่งหัวหน้าพรรค
วันนี้ (28 ก.ค.) กลุ่มไทยรักไทยเรียกประชุมแกนนำอดีต ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จำนวน 299 คน ที่ที่ทำการพรรคไทยรักไทย อาคาร IFCT หารืออนาคตทางการเมืองจะสังกัดพรรคการเมืองใด แก้ปัญหาสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน ก่อนการเลือกตั้ง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า วันนี้จะมีความชัดเจนว่ากลุ่มไทยรักไทยจะเข้าสังกัดพรรคการเมืองใด ซึ่งได้เลือกไว้แล้ว จะเป็นพรรคโนเนมที่ไม่เคยมี ส.ส. แต่เคยส่งคนลงสมัคร ส.ส. และมีอุดมการณ์เดียวกับพรรคไทยรักไทย ยืนยันว่าไม่ใช่พรรคประชากรไทย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแกนนำกลุ่มไทยรักไทยได้ทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ กทม.มาร่วมทำงานการเมืองกับกลุ่มไทยรักไทย แต่นายสมัครขอเวลาพิจารณาเรื่องนี้ ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ถ้านายสมัครตอบรับก็จะมีการพิจารณาร่วมกับสมาชิกกลุ่มอีกครั้งว่าจะให้นายสมัครอยู่ในตำแหน่งใด
นอกจากนี้ นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยจะจัดอำนวยความสะดวกให้คนไปลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 19 สิงหาคมนี้ว่า ถ้าทำจริงจะเกิดปัญหาความโน้มเอียง ไม่เป็นธรรม จะทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นการทำประชามติ ภาครัฐจะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ใช้วิธีใด ๆ ที่จะโน้มน้าวชักจูงให้เป็นไปในทางใดทางหนึ่ง พร้อมกับเรียกร้องรัฐบาลให้ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกที่ยังเหลืออยู่ในบางพื้นที่ เพราะล่าสุดมีทหารไปค้นบ้านของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการปิดกั้นการแสดงความเห็น
ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่พรรคใด เพราะเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ทุกวันนี้เห็นชัดว่าการปฏิวัติครั้งนี้มีความต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พรรคไทยรักไทย ไม่ให้มีโอกาสในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถือว่าเราถูกกระทำเกินไป จึงขอความเห็นใจจากประชาชน และว่าแกนนำกลุ่มไทยรักไทยรู้สึกเห็นใจสมาชิกที่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ถูกตัดโอกาส จึงต้องเดินหน้าหาทางออกให้ ส่วนเรื่องเชิญนายสมัครเป็นหัวหน้าพรรค วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป คงจะรู้ในเร็วๆ นี้ ใจเย็นๆ มีตัวเลือกหลายคน
“วันนี้ขอความเห็นใจ อย่าถากถางเราเลยว่าเราต้องหาพรรคเล็กลง มันเป็นเรื่องเจ็บปวดหัวใจของไทยรักไทยมาก เหตุที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะกลุ่มผู้มีอำนาจทั้งหลายบีบให้ต้องทำแบบนี้ การที่เราต้องหาพรรคเล็ก ไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่เราไม่มีทางเลือก” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์เชื่อว่าแม้พรรคใหม่ที่จะไปสังกัดจะไม่สามารถใช่ชื่อ หรือตัวย่อของพรรคไทยรักไทย ก็จะไม่มีผลต่อคะแนนนิยมของประชาชน เพราะเราจะลงไปพูดคุยกับประชาชนโดยตรง ถึงเหตุผลที่ต้องร่วมกับพรรคอื่น แต่ขอให้มั่นใจว่าจิตวิญญาณแน่วแน่ และนโยบายคงเดิม
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) มีทิศทางค่อนข้างชัดเจนว่าจะเล่นการเมืองว่าเป็นสิทธิของ พล.อ.สนธิ แต่จะเหมาะสมแค่ไหนให้พิจารณาเอง เพราะจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าปฏิวัติมาเพื่อใคร
มีรายงานว่าพรรคเล็กดังกล่าวที่กลุ่มไทยรักไทยจะไปสังกัดคือพรรคพลังประชาชนที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งไว้แล้ว แต่ยังไม่เคยมี ส.ส.มาก่อน
จากนั้น นพ.สุรพงษ์ แถลงร่วมกับ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชาชน ภายหลังการประชุมอดีต ส.ส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคไทยรักไทย ในตอนบ่าย ว่าที่ประชุมมีมติให้สมาชิกทั้งหมดย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสิทธิในการลงเลือกตั้งของสมาชิก กรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ผ่านประชามติ แล้วคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อาจนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาประกาศใช้ ซึ่งอาจมีเงื่อนไขให้ผู้สมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า แนวทางตั้งพรรคใหม่ยังเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก เพราะมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ห้ามพรรคที่ถูกยุบจดทะเบียนในชื่อเดิม หรือชื่อคล้ายคลึง แม้แต่ตัวย่อ และสัญลักษณ์เดิมก็ใช้ไม่ได้ นอกจากนี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติยังไม่ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 15 ที่อนุญาตให้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา
“เราจึงต้องหาทางออกให้อดีต ส.ส.ของกลุ่มให้ไปสมัครพรรคการเมืองเล็ก เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องของการสังกัดพรรคการเมืองทัน 90 วัน ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างช้าภายในวันที่ 4 สิงหาคมนี้” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
/0110