xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการสร้างข่าวลือ - - วิทยากรแม่ไก่ กับ ไข่ลม

เผยแพร่:   โดย: "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง

.
การเมืองทำให้คนหูหนาตาบอด ไม่รู้สึกรู้สา เพียงเพื่อให้ตนได้เปรียบก็ทำได้ทุกอย่างโดยไม่รู้ผิดชอบเหมาะควรไปแล้วจริง ๆ ...

“ข่าวลือในทางอัปมงคล” ที่เผยแพร่อยู่เวลานี้ เกิดขึ้นอย่างเป็นขบวนการ หาใช่ข่าวลอย ๆ แบบที่ชาวบ้านว่ากันอย่างแน่นอน

ตลอดวันพุธ-พฤหัสฯ 19 ก.ค.-ช่วงหว่านเมล็ด- เริ่มมีกระแสข่าวแต่ก็แค่โทรฯ คุยไถ่ถามกันในเมืองหลวง ....ตกเย็นเริ่มมีการโพสต์ตั้งกระทู้ไถ่ถามกัน ในเว็บไซต์พันทิป

ศุกร์ 20 – เมล็ดงอกงาม- ข่าวลือดังกล่าว เผยแพร่ต่อในเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งมั่วสุมของเครือข่ายอำนาจเก่า รวมทั้งสำนักข่าวออนไลน์บางแห่ง ไปไกลถึงขั้นชี้ชวนทำลิงค์ให้ไปดูต่อในเว็บไซต์ซึ่งอ้างว่าอยู่ที่สวีเดน บางถ้อยความพยายามเขียนเป็นรหัสให้ตีความเป็นนัยพาดพิงถึง “ชื่อบุคคลชั้นสูง”ให้ตรงตัวขึ้น

เสาร์-อาทิตย์ – แตกหน่อ/แพร่พันธุ์ - ข่าวลือแตกออกเป็นหลายเวอร์ชั่น เป็นนิยายการเมืองที่พาดพิงถึง ป๋าเปรม และ อดีตนายกฯ พลัดถิ่น บ้างก็อ้างว่าที่ตนได้ยินมานั้นมาจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดใกล้ชิดโดยตรงก็มี บ้างก็ให้สังเกตชุดแต่งกายพิธีกรโทรทัศน์ ฯลฯ

ลือจากเรื่องแรกไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยกระดับขึ้นมาเป็นเรื่องสอง-สาม พอมีการปฏิเสธข่าวแรกไปแล้ว ก็มีคำถามย้อนต่อทำนองว่า

“แล้วเรื่องทะเลาะกัน กับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นั้นจริงใช่ไหม ? ”

นี่เป็นแผนชั่วไร้คุณธรรม ของผู้คิดทำอย่างไม่รู้จะใช้คำพูดใดให้สาสม

ในแนวรบข้อมูลข่าวสารนั้น ข่าวลือ เป็นอาวุธที่ทรงพลานุภาพที่สุด

แต่จะใต้ดินอย่างไรก็ต้องมีขอบเขตของมันอยู่ ... การหวังผลเลิศบั่นทอนความรู้สึกร่วมของประชาชนที่ผูกพันเหนียวแน่นเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่คำนึงถึงวิธีการแบบนี้...อย่าเรียกตัวเองว่า คนไทยอีกต่อไปเลย

ห้วงเวลานี้นี้เป็นบรรยากาศโหมโรง ...ใกล้จะสู่ขอบเขตปริมณฑลของความเป็นสิริมงคล ก็น่าจะละเว้นเพื่อให้สังคมไทยทั้งมวลเข้าสู่บรรยากาศของความปิติยินดี เกิดความผูกพันยึดเหนี่ยวเป็นหนึ่งเดียวของประชาชนโดยสมบูรณ์เถิด..

อย่าขัดขวาง บั่นทอน เพื่อหวังผลลม ๆ แล้ง ๆ ของขบวนแห่งตนอีกเลย

ที่สำคัญ บรรดา เว็บไซต์ เว็บบอร์ดทั้งหลายที่อ้างว่าตนเองถือหลักเสรีภาพ รับได้ทั้งซ้าย-ขวา แถมก้าวหน้าทางอุดมการณ์เหนือสื่ออื่นใดนั้น ให้ทบทวนตัวเองโดยไว ว่า ที่ปล่อยให้ขบวนการเหล่านี้มาใช้พื้นที่ปล่อยข่าวนั้น เหมาะสม-ผิด-ถูก เช่นไร ?

...........................................

จากข่าวลือ มาสู่ข่าวจริง

ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็น สมรภูมิสำคัญในทางยุทธศาสตร์ชิงอำนาจรัฐกลับคืน

และมีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบทั้งก่อน และ หลังเลือกตั้ง

จะไม่พูดเรื่องความได้เปรียบก่อนเลือกตั้งเพราะพูดไปหลายรอบแล้ว

เอาเฉพาะกรณีหลังการเลือกตั้ง....คือ มีรัฐบาลใหม่ มีรัฐสภาไปแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ นายใหญ่พลัดถิ่นกำหนดจะกลับมาต่อสู้ทางคดี

อย่าลืมว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่มีบทบัญญัติในมาตรา 309 รับรองบรรดาการใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ....ที่หมายรวมถึงการรับรอง คมช./คตส.ฯลฯ

แปลไทยเป็นไทย...หากรัฐธรรมนูญผ่าน ช่องทางต่อสู้ทางกฎหมายของอำนาจเก่าจะยิ่งตีบตัน-คล้ายดั่งถูกตะปูเหล็กดอกงามตอกปิดฝาโลง นั่นแล !

ดังนั้นขบวนการคว่ำรัฐธรรมนูญจึงต้องขยับขับเคลื่อนกันเต็มสูบ

เอาทุกรูป ทำทุกท่า ดั่งที่เห็น ๆ กันอยู่

และประมาทไม่ได้จริง ๆ เพราะมีการผูกการลงประชามติกับประเด็นทางการเมืองหลาย ๆ เรื่องพร้อมกัน โดยเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงติดหนวดฉบับนั้น

ล่าสุด กำลังมีความพยายามผูกปัญหาเศรษฐกิจเข้ากับเงื่อนไขลงประชามติอีกปมหนึ่งด้วย

จากเดิมใช้วาทกรรมชาวบ้าน...ถามว่า “รักทักษิณมั้ย..ถ้ารัก อย่ารับร่าง”

กลายมาเป็น ... “อยากให้เศรษฐกิจดี อย่ารับร่าง”

กระบวนท่าง่าย ๆ ทื่อ ๆ ทำนองขายตรงแบบนี้แหละที่น่ากลัว

หรือเอาแค่ผลประชามติผ่านฉิวเฉียด 15 : 14 หรือ 14: 12 หรือ 13:10 ก็ยังน่ากลัว

เพราะเจ้าฝ่ายแพ้ 14-12-10 ล้านเสียงที่ว่า คือฐานเสียงที่จะแปรเป็นคะแนนเลือกตั้งปลายปี.

เป็นฐานเสียงของมวลชนที่สัมผัสความพ่ายแพ้รอบแรกมาแล้ว จะเป็นเสียงที่ผูกพันเหนียวแน่น รู้สึกว่าเป็นพวกเป็นเหล่า ...เป็นคนหัวอกเดียวกัน...และจะมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อเอาชนะให้ได้

....................

อำนาจรัฐปัจจุบันใช่จะงอมือเท้า ..หรือยังเป็น เต่า เหมือนจะดูถูกขิงแก่กันเกินไป

ไฟลนก้นแบบนี้ ไม่ขยับก็เกินคนแล้ว !!

อย่างกระทรวงสาธารณสุข ระยะเดือนมานี้ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ รมช.สาธารณสุขขยับเดินสายลงพื้นที่แบบปูพรมหลายจังหวัดในภาคอีสานพร้อมเรียกประชุม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน/ชุมชน (อสม.) จังหวัดละกว่า 1 หมื่นคนทุกรอบ /

ล่าสุดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้ากระทรวงอย่าง “ นพ.มงคล ณ สงขลา” เสริมทีมเดินสายแถบจังหวัด “อีสานใต้” เป็นว่าเล่น …เป็นการตรวจราชการและมอบนโยบายที่อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศแห่งการรณรงค์กำชับให้บุคลากรทุกระดับกว่า 200,000 คน และ อสม. กว่า 800,000 คนทั่วประเทศ โหมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด

จากหมอมาถึงครู.......

การเลือกตั้งไม่ว่าสมัยไหน นักเลือกตั้งต้องวิ่งหาครูกันทั้งนั้น...ฐานมวลชนครู-บุคลากรศึกษากว่า 600,000 คนรวมทั้งนักเรียนอีกกว่า 15 ล้านคนทั่วประเทศ นั้นล้วนยึดโยงอยู่กับชุมชนและมีบทบาทใกล้ชิดกับประชาชนสูง โดยเฉพาะในภาคชนบท

ปัญหาเรื่องครู ยังมีเงื่อนใหญ่ว่าด้วย เงินวิทยฐานะ 3,500 บาท

มีร่องรอยการเคลื่อนไหวที่มองข้ามไม่ได้

เช่น เมื่อ 3-4 สัปดาห์ก่อน กลุ่มครูการเมือง “สวามิภักดิ์ทักษิณ” ระดับผู้อำนวยการ ในสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และอดีตเป็นแกนนำ สนับสนุนนโยบายรัฐบาลทักษิณเรื่องถ่ายโอนการศึกษาฯ ได้ปล่อยข่าวแบบสอดไส้ ในที่ประชุมครูเรื่องการประเมินอาจารย์ 3 ระดับ 8 ที่ จ.ขอนแก่น ว่า รัฐบาลถังแตกไม่มีเงินจ่ายวิทยฐานะครู 3 เดือนที่เหลือ เป็นการเปิดประเด็นให้ครูการเมืองสายอำนาจเก่านำไปขยายเพื่อหวังสร้างดึงครูบางส่วนเข้ามาเป็นแนวร่วมกับฝ่ายตัวเองในการต่อต้านรัฐบาล-คมช.และคว่ำร่าง รธน.

นายวิจิตร ศรีสอ้าน เจ้ากระทรวงเสมา อยู่ไม่ติดต้องลงพื้นที่ ศรีสะเกษ จังหวัดในอีสานใต้ เมื่อไม่กี่วันก่อน

ขิงแก่ แก้เกม รับปากเอางบกลางมาจ่ายก่อนหรือจะเบิกจ่ายจากเงินคงคลังแล้วใช้คืนภายหลัง แต่หากดำเนินไม่ทันก็จะตกเบิกได้รับเป็นเงินก้อนพร้อมกันใน ต.ค. เพราะปีงบประมาณใหม่ 2551ได้ตั้งเบิกไว้แล้ว

ตกเขียวล่วงหน้าเรียบร้อย -รับปากตุลาคม ได้แน่ ...

ซึ่งเป็นตุลาคมที่ผ่านระยะการลงประชามติไปแล้ว


................................

เนื้อที่ไม่พอทั้งที่มีรายละเอียดว่าด้วยภาครัฐกับการลงประชามติอีกกระบุงใหญ่

ทิ้งท้ายสั้น ๆ แค่ว่า โครงการวิทยากรแม่ไก่ของมหาดไทย ซึ่งเวลานี้ หน่วยงานระดับตำบลส่งรายชื่อวิทยากรอาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย (อส.พป.) ขั้นแรก 10% ของประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมายังกรมการปกครองแล้ว

และกำหนดจะส่งที่เหลือรวม 25% ของประชากรก่อน 19 สิงหาคม 2550

ผู้ใหญ่เจ้าของฟาร์มทั้งหลายคงไม่รู้หรอกว่า รายชื่อ 10% รอบแรก-ท้องถิ่นจำต้อง ปั้น และปั่น ส่งมาแบบเร่งด่วนเพราะหนังสือจากจังหวัดส่งไปพื้นที่สัปดาห์ที่แล้วนั้นให้เวลาเพียง 1 วันทำงาน – จึงทันบ้างไม่ทันบ้างแต่เงื่อนไขต้องส่งรายชื่อเข้าจังหวัดก่อนเที่ยงคืน

คืนวันนั้นจึงมีการสร้างรายชื่อ หยิบประชากรในเขตมาตั้งเป็นอาสาสมัครกันเองอย่างสนุกสนาน

ผลผลิตของ “แม่ไก่” รอบนี้จึงปรากฏ “ไข่ลม” แฝงมาจำนวนหนึ่ง ...

เผลอ ๆ อาจจะเฉียดครึ่งด้วยซ้ำไป

นี่เอง...ที่คอลัมน์นี้จึงย้ำนักหนาว่า อย่าดูถูกระบอบทักษิณ อย่าคิดว่า ประชามติแบเบอร์ เพราะอีกฝ่ายถืออำนาจรัฐ

3 สัปดาห์ที่เหลือ-ยังมีเวลาเหลือเฟือที่อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้อีก

ฝ่ายหนึ่งสู้เพื่ออยู่รอด..เอาทุกท่าแม้จะชกใต้เข็มขัด.. ส่วนอีกฝ่ายถูกนายบังคับให้สู้

แรงจูงใจต่างกันเยอะ !!!

กำลังโหลดความคิดเห็น