“ศิธา” เล่นลิ้นเรียกร้อง “สนธิ” พูดให้ชัดจะลงเล่นการเมือง โวยอย่าตัดแขน-ขาคู่แข่งแล้วถึงประกาศตัว อ้างชายชาติทหาร รู้ใจรุ่นพี่แย้มมีบันไดขั้นที่ 5 กรีด คมช.หลอกประชาชนให้รับร่าง รธน.แบบซื้อเหล้าพ่วงเบียร์
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่อาคารไอเอฟซีที กลุ่มไทยรักไทย น.ต.ศิธา ทิวารี คณะทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของกลุ่มไทยรักไทย ซึ่งมีนายสุธรรม แสงประทุม เป็นประธาน แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หยิบยกพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวถึงความเป็นไปได้ที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะลงเล่นการเมือง โดยที่ประชุมเห็นว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากปากของ พล.อ.สนธิ แม้ฝ่ายทหารพยายามที่จะชี้แจงว่าการตัดสินใจลงเล่นการเมืองของ พล.อ.สนธิเป็นสิทธิส่วนบุคคลก็ตาม เนื่องจากในทางการเมืองแล้ว พล.อ.สนธิ เป็นประธาน คมช. เป็นคนที่ตั้งทั้ง คตส. ส.ส.ร. สนช. และออกกฎหมายต่างๆ เหมือนเป็นกรรมการที่กำหนดกติกามามากมาย หากเปรียบเป็นกรรมการตัดสินฟุตบอลก็สามารถให้ใบแดงคู่แข่งหมดยกทีม จากนั้นก็มาบอกว่าจะขอตั้งทีมฟุตบอลมาแข่งเสียเอง ทั้งๆ ที่คู่แข่งคนสำคัญถูกกำจัดไปจนหมดแล้ว จึงถือว่าไม่เหมาะสมและไม่สง่างาม
น.ต.ศิธา กล่าวต่อว่า ตนในฐานะที่เป็นนายทหารรุ่นน้อง เคารพในตัวประธาน คมช.มาตลอด จึงอยากบอกว่าการที่ พล.อ.สนธิยังแทงกั๊กอนาคตทางการเมืองแบบนี้นั้นจะทำให้เกิดความไม่สง่างามตามมา หาก พล.อ.สนธิจะแสดงพลังความเป็นนักรบออกมาจริงๆ ก็ควรถอดเครื่องแบบของนักรบออกแล้วประกาศยืนยันอย่างชายชาติทหารออกมาเลยตั้งแต่ตอนนี้ว่าจะลงเล่นการเมือง เพราะกระบวนการหลังการรัฐประหารทั้งหมดนั้นล้วนเป็นประโยชน์กับตัวเองทั้งสิ้น ขณะนี้ประชาชนมองออกว่าท่านเลยธงสมานฉันท์มาแล้ว ซึ่งหากการเลยธงสมานฉันท์เพื่อประโยชน์ของสังคมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเลยเพื่อประโยชน์ของตัวเองเพื่อตัดแขนตัดขาคู่แข่งถือว่าไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่เดินทางไปประเทศฮ่องกงนั้นได้สั่งการผ่านคนสนิทเพื่อให้กลับมาประสานงานกับกลุ่มการเมืองต่างๆเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ พล.อ.สนธิ ลงเล่นการเมือง น.ต.ศิธา กล่าวว่า การเข้าสู่การเมืองของ พล.อ.สนธิไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของประชาชน ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยพูดข้อความดังกล่าว แต่ พล.อ.สนธิควรจะทำตามที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ที่ระบุว่าให้เข้าสู่การเมืองโดยใช้คะแนนเสียงของประชาชนเป็นอาวุธ ดีกว่าที่จะใช้รถถังเป็นอาวุธ
น.ต.ศิธา ยังได้หยิบยกกรณีที่มีความพยายามชี้นำให้ประชาชนลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 โดยระบุว่าการรับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้ง ส่วนใครที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้ที่พยายามก่อความวุ่นวายให้บ้านเมืองว่า การรับร่างรัฐธรรมนูญกับการเลือกตั้งนั้นต้องแยกออกจากกัน การที่ระบุว่าให้รับไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลังนั้นจะทำให้พรรคการเมืองที่มาตามระบบไม่มีที่ยืน แต่พรรคที่ยอมนอบน้อม คุกเข่าให้ทหารจะอยู่ได้ เหมือนการซื้อเหล้าพ่วงเบียร์ เป็นกลไกที่เอาเปรียบและดูถูกประชาชนจนเกินไป
น.ต.ศิธา กล่าวต่อว่า ขณะนี้เริ่มจะเลยเถิดไปถึงขั้นที่มีการระบุว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ คนที่ไม่รับร่างห้ามมายุ่งกับการเมือง แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นประชาธิปไตย ที่กลุ่มไทยรักไทยไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้นั้น เพราะในบัตรลงประชามติมีเพียงแค่รับหรือไม่รับเท่านั้น แต่ถ้าหากมีช่องให้เลือกโนโหวตกลุ่มไทยรักไทยจะแสดงพลังกาช่องโนโหวตอย่างแน่นอน เพื่อแสดงให้รู้ว่าเรารู้ทัน แต่เมื่อไม่มีกลไกตรงนี้เราจึงจำเป็นต้องแสดงออกด้วยวิธีนี้
“เราเคยเสนอให้นำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาใช้ โดยปรับเฉพาะตัวบทเฉพาะการ ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียเวลามาออกกฎหมายลูก กฎหมายเลือกตั้งใหม่ แต่ในส่วนที่มีปัญหาเช่น เรื่อง ส.ส.จะต้องสังกัดพรรค 90 วันนั้น ก็แก้ไขไปตามที่เห็นสมควร แต่ทุกวันนี้สิ่งที่ท่านทำประชาชนมองออกว่าเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมานั้นเป็นหน่วยงานที่มาฆ่าล้างโคตรไทยรักไทย หากต้องฆ่าให้หมดก่อนล้วถึงประกาศว่าจะลงพรรคนั้นพรรคนี้ อย่างไรก็ไม่มีวันสงบได้ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นประชาธิปไตย” น.ต.ศิธา กล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า ที่คมช.ไม่กล้านำรับธรรมนูญฉบับปี 2540 มาปรับใช้เพราะกลัวประชาชนจะย้อนถามว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วจะปฏิวัติฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำไม เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 ร่างกันก่อนที่พรรคไทยรักไทยจะก่อตั้ง ดังนั้น ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ขณะนี้นักวิชาการเองก็มองออกว่า บันได 4 ขั้นที่ พล.อ.สนธิพูดนั้น มันยังมีขั้นที่ 5 อีก เพียงแต่ พล.อ.สนธิยังไม่พูดเวลานี้เท่านั้นเอง แต่ก็ได้มีการปูทางไว้เพื่อรองรับขั้นที่ 5 เรียบร้อยแล้ว