“สุริยะใส” ยอมรับคำวินิจฉัยศาล รธน.ละเอียดยิบ จี้ ปชป.ปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่ โดยใช้ ทรท.ที่เหลิงอำนาจ หลังได้ใจจากคดีซุกหุ้นเป็นบทเรียน เตือนทุกฝ่ายให้ระวังเกมทวงคืนอำนาจยังไม่จบ จับตาโค้งอันตรายในอนาคตข้างหน้า
วันนี้ (31 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรค วานนี้ ว่า มีความชัดเจนและตอบคำถามทุกปมที่เป็นข้อพิพาท และเชื่อว่า คำวินิจฉัยครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานวินิจฉัยให้กับศาลรัฐธรรมนูญ และผูกพันกับองค์กรอื่นๆ ด้วย
สำหรับคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิการเมืองของกรรมการบริหารพรรค 111 คนนั้น ก็เป็นเหตุเป็นผลและมีน้ำหนักตามข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าประชาชนที่กังขาอ่านคำวินิจฉัยอย่างละเอียด ก็จะไม่เคลือบแคลงสงสัยอะไร ศาลรัฐธรรมนูญควรจัดพิมพ์คำวินิจฉัย เผยแพร่สู่สาธารณะให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนที่ยังคลุมเครือต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในรอบปี หรือสองปี เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น เมื่อรอดพ้นจากข้อกล่าวหา ก็ไม่ควรเหลิง หรือแสดงท่าทีทางการเมืองจนเกินงาม เพราะบทเรียนที่เป็นจุดจบของพรรคไทยรักไทย ก็เกิดจากความเหลิงในอำนาจหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ รอดพ้นจากคดีซุกหุ้น และพยายามสร้างอำนาจเดี่ยวเหนือรัฐสภา และเหนือกระบวนการตรวจสอบ หรือใช้อำนาจของตัวเองเหนืออุดมการณ์ของพรรค ตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปตัวเองครั้งใหญ่ โดยเฉพาะนโยบายของพรรคที่ยังขาดความชัดเจน
นายสุริยะใส ยังกล่าวอีกว่า สำหรับอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ก็มีสิทธิที่จะวางแผนจัดตั้งกลุ่ม หรือพรรคการเมืองใหม่ได้ จะเอาคุณหญิงอ้อ หรือใครมาเป็นหัวหน้าพรรคก็เป็นสิทธิ แต่ต้องถือเอาบทเรียนครั้งนี้ เป็นกรอบในการทำงานการเมืองด้วย ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่ามีเงินซะอย่างทำอะไรก็ได้ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวใดๆ ของอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยต้องยึดมั่นสัญญาประชาคมว่าจะน้อมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ด้วย
แม้คดียุบพรรคจะได้ข้อยุติ แต่เชื่อว่า เกมทวงอำนาจคืนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยุติ การเมืองไทยยังมีโค้งอันตรายอีกหลายโค้ง ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตร การประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการแก้ปัญหาประเทศของรัฐบาลยังเป็นเงื่อนปมที่ทุกฝ่ายต้องเร่งทำงานให้คลี่คลายเร็วที่สุด