xs
xsm
sm
md
lg

“อภิชาต” ดักคอ ทรท.จดทะเบียนชื่อพรรคเดิม จี้ต่อมสามัญสำนึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปธ.กกต.เชื่อหากทุกฝ่ายน้อมรับคำวินิจฉัยของศาล สถานการณ์บ้านเมืองจะคลี่คลาย แบะท่าค้าน ทรท.จดทะเบียนชื่อพรรคเดิม ยันไม่เหมาะสม แจงขั้นตอนชำระบัญชี หลังถูกยุบพรรค อาจตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

วันนี้ (31 พ.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กกต.กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ทุกคนควรยอมรับ เพราะคณะตุลาการเองก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีประมุขถึง 2 ศาลมาร่วมเป็นองค์คณะ คำวินิจฉัยที่ออกมาก็ละเอียดชัดเจน แต่จะให้คำวินิจฉัยเป็นที่ยอมรับของทุกคนก็คงไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศคงยอมรับ

ประธาน กกต.ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อกรณีที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยมีท่าทีไม่ยอมรับคำวินิจฉัย โดยเฉพาะ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรค ว่า ไม่ขอออกความเห็น เพราะนายจาตุรนต์ มีส่วนได้เสียเรื่องนี้อยู่ แต่ในฐานะที่เคยเป็นผู้พิพากษามาหลายสิบปี บอกได้ว่า คำวินิจฉัยละเอียดแล้ว อย่างไรก็ตาม คิดว่า สถานการณ์ทางการเมืองจากนี้น่าจะคลี่คลายถ้ายอมรับ และพยายามช่วยกันเรื่องสำคัญเช่นการร่างรัฐธรรมนูญ หรือการเลือกตั้ง

“เรามีกฎหมายเมื่อยุบพรรคจะต้องให้ สตง.เข้ามาชำระบัญชีภายใน 6 เดือน ดังนั้น ในช่วงนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้มีการตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นมี 2 พรรคซ้อนกันอยู่”

นายอภิชาต ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ยังกล่าวถึงขั้นตอนภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคว่า ทาง กกต.ต้องนำคำสั่งยุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้รับทราบโดยทั่วกัน จากนั้น สตง.ก็ต้องเข้าไปชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่หากเสร็จไม่ทัน ก็สามารถขยายเวลาได้อีก 30 วัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าในระหว่างที่มีการชำระบัญชีอยู่นี้ต้องถือว่าความเป็นพรรคยังดำรงอยู่ จนกว่าจะชำระบัญชีเสร็จสิ้น

เมื่อถามว่า เมื่อการชำระบัญชีเสร็จสิ้นจะสามารถยื่นขอจดจัดตั้งพรรคในชื่อเดิมได้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า การจะจัดตั้งพรรคต้องมีการประชุมเพื่อหาหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเสียก่อน อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่มีข้อกำหนดห้ามจดตั้งชื่อพรรคในชื่อเดิม หากเสร็จสิ้นการชำระบัญชี แม้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่าจะจดในชื่อเดิมได้ ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า ความผิดของพรรคเป็นความผิดร้ายแรง จึงไม่น่าที่จะใช้ชื่อเดิมในการตั้งพรรคได้ นายอภิชาต กล่าวว่า ไม่มีกฎหมายห้ามเรื่องนี้เอาไว้

เมื่อถามต่อว่า การให้จดจัดตั้งพรรคในชื่อเดิม อาจเหมือนเป็นการไม่เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะพิจารณาว่าจะให้หรือไม่ให้ใช้ชื่อเดิม หากไม่ให้ใช้ ก็สามารถไปยื่นร้องอุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญ แล้วศาลก็จะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ไม่ได้ปิดตายในการจดตั้งชื่อเดิมพรรค เมื่อถามว่า การจดในชื่อเดิมจะเป็นการละเมิดคำวินิจฉัย ประธาน กกต.กล่าวว่า ไม่ถึงกับละเมิด แต่เมื่อให้ยุบไปแล้ว โดยสามัญสำนึกมันก็ดูแปลกๆ อยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องของคนที่วินิจฉัยขั้นสุดท้าย คือ ศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่กลุ่มการเมืองต่างอยากให้ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพราะมีผลต่อการจัดตั้งพรรค ประธาน กกต.กล่าวว่า เราเคยเสนอความเห็นไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสถานการณ์ยุบพรรคอย่างที่เกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาล และ คมช.ก็บอกว่าที่ยังผ่อนผันไม่ได้ เพราะสถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง จึงยังไม่ได้ผ่อนผันอะไร แต่ต่อไปก็ไม่ทราบว่าจะผ่อนผันให้หรือไม่ ส่วนตัวคงไม่แสดงความเห็นในตอนนี้ว่าควรผ่อนผันหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ทำหนังสือไปแล้ว หากผู้รับผิดชอบเห็นว่าสถานการณ์ดีคงจะผ่อนผันเอง

สำหรับที่มีการมองว่ากฎหมายของประเทศไทย ยุบพรรคการเมืองง่ายเกินไปหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวยอมรับว่า ก็อาจจะจริง เพราะในต่างประเทศ การยุบพรรคการเมืองเป็นไปได้ยาก และเป็นเรื่องที่เราต้องพิจารณากัน และขึ้นอยู่กับสภาฯ เป็นผู้พิจารณา และยอมรับการยุบพรรคที่เกิดขึ้นน่ามีผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้อยู่บ้าง เพราะอย่างน้อยนักการเมือง 111 คน ที่ลงเลือกตั้งไม่ได้ บทบาทของคนรุ่นใหม่ก็ได้แสดงกันเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากพรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 68 ระบุว่า “หัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกยุบต้องส่งบัญชีงบดุลรวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงิน ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายในสิบห้าวัน นับตั้งแต่พรรคการเมือง เลิก หรือ ยุบ และ ให้ สตง.ชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในหกเดือน แต่หากทำไม่เสร็จก็ขยายเวลาได้อีก 30 วัน” ทั้งนี้ ในมาตาราดังกล่าวยังระบุด้วยว่า หากชำระบัญชีเสร็จสิ้น เมื่อหักหนี้สิน และมีทรัพย์สินเหลือเท่าใดให้โอนแก่องค์กรสาธารณกุศลตามที่ข้อบังคับพรรคการเมืองระบุไว้ แต่ในกรณีที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับพรรค ก็ให้ทรัพย์สินที่เหลือตกเป็นของกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง

รายงานข่าวแจ้งว่า ทรัพย์สินดังกล่าวจะรวมไปถึงเงินบริจาคพรรคการเมืองด้วย โดยพรรคไทยรักไทย เฉพาะปีที่ผ่านมาจนถึงเดือน มี.ค.มียอดบริจาคทั้งสิ้น 12,137,040 บาท อย่างไรก็ตาม ปี 2549 พรรคไทยรักไทย มีเงินบริจาครวมทั้งสิ้น 134,415,080 บาท

ทั้งนี้ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายของพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ข้อบังคับของพรรค ไม่ได้เขียนว่า เมื่อพรรคถูกยุบจะโอนทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้แก่องค์กรสาธารณกุศลใด ดังนั้น ทรัพย์สินของพรรคก็ต้องตกเป็นของกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง

เมื่อถามถึงเงินบริจาคที่พรรคไทยรักไทยได้รับเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ นายวิชิต กล่าวยอมรับว่า เมื่อหักหนี้สินแล้วเงินดังกล่าวก็ต้องตกเป็นของกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง แต่ตอนนี้ทรัพย์สินที่มีเหลือก็ไม่เท่าไหร่ โดยเฉพาะเงินบริจาค พรรคก็ได้ใช้ไปเป็นจำนวนมากแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น